วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

นายกฯซัดอนาคตใหม่ชงเลิกเกณฑ์ทหาร ชี้ยังไม่ใช่เวลารณรงค์

On November 28, 2019

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหารให้ใช้ระบบการสมัครใจแทนการเกณฑ์ทหารว่า ทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการเกณฑ์ทหาร ถ้าเสนอมาแบบนี้แล้วจะตอบได้อย่างไรว่าการมีส่วนร่วมและความมั่นคงของประเทศอยู่ตรงไหน เพราะเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน และไม่ใช่ชายไทยทุกคนต้องมาเป็น เพียงแค่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินไว้ แต่ละคนยังมีทางเลือกอีก ถ้าทุกคนจบการศึกษา จบหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้ามาเป็นนายทหารได้ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกองทัพมียอดความต้องการทหารทั้งหมด 100,000 กว่านาย และประมาณ 20-30% เป็นผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นอยู่แล้ว ที่เหลือจึงใช้การเกณฑ์ทหารจับใบดำ-ใบแดง เป็นทางเลือกที่มีอยู่หลายทางเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้คือการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ทุกคนมีสิทธิ์ในการตัดสินตัวเอง ขอให้ทุกคนได้ร่วมมือกัน ถ้ายกเลิกไปแล้วอันตรายจะเกิดขึ้น เพราะใครจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ การป้องกันประเทศไม่ได้มีแค่พลทหาร แต่มีนายทหาร นายสิบ เป็นผู้มีบทบาทนำในการปฏิบัติการสู้รบ จำเป็นต้องมีลูกชุด ลูกหมู่ ลูกหมวด ถ้ามีแต่เฉพาะนายทหาร นายสิบ จะทำอะไรสำเร็จได้บ้าง  ก็ต้องมีลูกมือ มีแรงงานสำคัญที่ต้องผสมผสานกันในเรื่องของการฝึก การสู้รบ

สำหรับการฝึกสู้รบนั้นไม่ใช่ฝึกแค่เดือนเดียวแล้วไปรบได้ ต้องใช้ระยะเวลาการฝึก 2 ปี และต้องคัดเลือกคนเวลาไปชายแดน บางคนเป็นทหารแล้วแต่ไปชายแดนไม่ได้ เพราะไม่เข้มแข็งพอแม้จะผ่านการฝึกตามเกณฑ์ 10 สัปดาห์ไปแล้วก็ตาม การคัดเลือกคนไปชายแดนหรือไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเอาคนที่มีจิตใจรุกรบ ไม่เช่นนั้นพอมีเสียงปืนก็ทิ้งอาวุธหนีกันหมด ดังนั้น ต้องใช้เวลาในการฝึกอบรม สร้างความมั่นใจเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ ในการออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วให้เขาปลอดภัยนั่นเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า หรือในกรณีที่ต้องใช้วิธีการจ้างทั้งหมด ต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าไร เราพร้อมหรือยังที่จะมีเงินงบประมาณขนาดนั้น ต่างจากประเทศสหรัฐที่มีงบประมาณในการตอบแทนเงินเดือนและสวัสดิการมากพอ สำหรับประเทศไทยมีหลายกองกำลัง มีทหารนอนอยู่ที่ชายแดนเป็นหมื่นนายในแต่ละวัน ถามว่าถ้าพลทหารมีน้อยจะได้หรือไม่ ซึ่งพลทหารเมื่อทำหน้าที่แล้วอยากจะรับราชการเขาก็สมัครเป็นนายสิบต่อไปได้ ในปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว พอเป็นนายสิบก็ขยับขึ้นเป็นนายทหาร เป็นพันโท พันเอกอยู่แล้ว

ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาต่อสู้กันในขณะนี้ เป็นการรณรงค์ในสิ่งที่ผิด ถามประเทศรอบบ้านเราเขาก็มีอยู่ทุกประเทศ ถ้าวันหน้ามีน้ำท่วม ภัยพิบัติ จะใช้กำลังพลจากไหน กองทัพมีคนที่มีระเบียบวินัย มียานพาหนะพร้อมอยู่ในค่าย เมื่อเกิดภัยพิบัติก็พร้อมออกไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ต้องคิดในมุมกว้างๆแบบนี้ ไม่เช่นนั้นก็ไปไม่ได้ทั้งหมด อะไรที่มีอยู่แล้วก็ทำให้มันดีต่อไป ไม่ใช่ยกเลิกทั้งหมด แล้วไปทำใหม่ทั้งหมด มันทำไม่ได้ทุกอย่าง ซึ่งเราก็แก้ปัญหามานานแล้ว ระบบนี้ก็สร้างมานานแล้วตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เราเข้มแข็งมาโดยตลอด แล้วเราจะไปลดความเข้มแข็งของเราได้อย่างไร เมื่อความมั่นคงคือพื้นฐานของเศรษฐกิจ ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงของประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน

การบอกว่าไม่มีการสู้นั้นก็ใช่ แต่ก็มีการกระทบกระทั่งกันอยู่ ทั้งทางเรือ บก อากาศ ปัญหาในทะเลจีนใต้ก็ยังมีอยู่ วันนี้มียุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกเข้ามาอีก ประเทศมหาอำนาจก็จะเข้ามา เราต้องสร้างสมดุลไว้ให้ได้ ดังนั้น เราต้องมีกำลังพลที่เข้มแข็ง มีการหารือในระดับของอาเซียน ในระดับรัฐมนตรีกลาโหม ถ้าเราไม่มีความพร้อมเหล่านี้ การฝึกร่วมทางทหารก็เข้าร่วมกับเขาไม่ได้ แล้วเราจะอยู่อย่างไรในโลกใบนี้ ตนฝากไว้ด้วยกับคนที่คิดเรื่องเหล่านี้ว่าทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหานี้ได้

เมื่อถามว่าการรณรงค์เรื่องนี้ถือว่ากระทบความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่ามาถามเลย เท่าที่ตนพูดทั้งหมดก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ากระทบหรือไม่ ความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศสำคัญที่สุด สำคัญกว่าอย่างอื่นด้วยซ้ำไป ถ้าตรงนี้ไม่สงบ บ้านเมืองตีกันไปตีกันมาวุ่นวาย ทั้งการเมือง ความมั่นคงก็กระทบไปหมด แล้วใครอยากจะมาคบค้าสมาคมกับเรา ทั้งที่เรามีโอกาส ศักยภาพมากมาย เราไม่ร่วมมือกัน ทำอะไรก็ตำหนิไปหมด ถามว่าสิ่งที่ท่านตำหนิอยู่นั้นเคยทำมาหรือไม่ ซึ่งท่านก็เคยทำมา รัฐบาลนี้ก็ได้ทำสิ่งใหม่ๆเหมือนกัน เช่น การสร้างความเข้มแข็ง การนำคนมาฝึกมาเรียนรู้ออนไลน์ก็ทำหมด เรื่องพัฒนาแรงงานก็มี


You must be logged in to post a comment Login