วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ

On November 28, 2019

จากกรณีนายศิระ สมเดช อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวะคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายุ 42 ปี ผู้เป็นแม่ โดยนำชิ้นส่วนอวัยวะยัดตู้เย็นภายในบ้านพัก ก่อนจะใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงตัวเองที่ขมับข้างขวาทะลุซ้าย 1 นัดเสียชีวิต ทั้งนี้ ทราบว่านายศิระมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์มา 2 ปี

นางอำพร งามดี เพื่อนของ น.ส.ยุรีย์  เล่าให้สื่อฟังว่า ก่อนเกิดเหตุทราบข่าวว่า น.ส.ยุรีย์ขาดการติดต่อ จึงชวนเพื่อนมาหาที่บ้าน เมื่อมาถึงก็เจอนายศิระยืนอาละวาดอยู่หน้าบ้านและพยายามไล่ให้กลับบ้าน ตนกับเพื่อนจึงเดินเข้าไปในบ้าน กระทั่งไปพบศพอยู่ในตู้เย็น จากนั้นนายศิระก็ยิงตัวตาย

ด้านนายโจ๊ก เพื่อนของ น.ส.ยุรีย์ กล่าวว่า ขณะมาถึงหน้าบ้าน น.ส.ยุรีย์ เห็นนายศิระเปิดผ้าม่านหน้าต่างต่อว่าพวกตนว่าทำไมพาคนมาเยอะแยะ และพูดว่าไม่รู้ว่าแม่ไปไหน แต่ตนได้ยินความผิดปกติคือ ในบ้านมีเสียงปั๊มน้ำดังตลอดเวลา จนกระทั่งไปเจอศพถูกแช่ในตู้เย็น ซึ่งนายศิระก็ยืนจ้องมองตลอดเวลา ก่อนจะยิงขมับตัวเองทันที

พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ ภายหลังการตรวจสอบ พล.ต.ต.อิทธิพลเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อได้ว่าลูกเป็นคนก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันเสาร์จนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมาไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้าออกจากบ้านนอกจากเจ้าของบ้านทั้ง 2 คน เบื้องต้นคาดว่าเวลาในการฆาตกรรมน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 ทุ่มของวันอาทิตย์เป็นต้นไป

ล่าสุดที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช นายลอน เถาวัลย์ อายุ 63 ปี อา และนายวีระศักดิ์ เขียวมงคล อายุ 50 ปี ลูกพี่ลูกน้องของ น.ส.ยุรีย์ ได้เดินทางมารับศพ น.ส.ยุรีย์เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย สำหรับใบรับรองการเสียชีวิตของ น.ส.ยุรีย์ แพทย์ผู้ชันสูตรระบุว่า มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ช่องอกถูกปอด ทำให้เสียเลือดมาก

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วประเทศ พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าสังคมไทยศีลธรรมตกต่ำ ใจดำอำมหิต โหดร้าย เกิดขึ้นถี่ๆ บ่อยๆ เรียกว่าเกิดขึ้นประจำวัน ประจำเดือน ประจำปี แต่กรณีฆ่าแม่แล้วหั่นศพแบบนี้น่าจะเป็นรายแรกของประเทศไทย ธรรมดาแล้วการจะฆ่าผู้มีพระคุณมันไม่ค่อยจะทำได้ลงเท่าไร ถ้าคนปกติธรรมดาทำไม่ได้แน่นอน

เพราะฉะนั้นใครไปทำเข้าก็ต้องพบกับความเศร้าอย่างที่เป็นข่าวกันนี่แหละ ตอนนี้สังคมไทยต้องเรียกว่าต่ำตมจมอยู่กับความโหดเหี้ยม ก็เพราะว่าเราเหินห่าง ทอดทิ้งสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต นั่นก็คือ ศีลธรรม คุณธรรม ความดี ที่ควรจะมีไว้ประจำตัว ประจำใจ ไปเหินห่าง ไปเลิกร้างเรื่องที่ควรจะต้องทำให้เข้มแข็ง พอศีลธรรมไม่เข้มแข็ง กิเลสเข้มแข็ง ทุกข์ก็เข้มแข็ง คดีต่างๆก็เกิดขึ้นอย่างที่เป็นข่าวในขณะนี้

ต้องถือว่าเป็นข่าวที่ร้ายแรงที่สุดในรอบปี ใกล้จะสิ้นปีมีคดีนี้ทิ้งท้ายให้เป็นบทเรียนพวกเราทั้งหลายว่า อย่าได้เหินห่างคุณงามความดี ศีลธรรมเลย อย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวไว้ว่า “ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ” เหมือนไม่รู้ว่าโลกมนุษย์หรือโลกเดรัจฉาน ถ้าคนยังอยู่กันแบบนี้ต้องเรียกว่าไม่ใช่โลกมนุษย์ เป็นโลกที่ต่ำกว่ามนุษย์หลายเท่า เพราะมนุษย์แปลว่าผู้มีใจสูง แต่นี่ใจมันต่ำดำอำมหิตขนาดฆ่าแม่แท้ๆได้ลงคอ ต้องเรียกว่าเป็นผู้ที่ต่ำกว่ามนุษย์ ถ้าคนใจสูง ใจประเสริฐ เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะความใฝ่สูงจะมาทำเรื่องต่ำตมจมอยู่กับความชั่วร้ายนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้

ก็หวังว่าพวกเราคงได้รับข้อคิดสะกิดใจว่า ถ้าจิตใจไม่ห่อหุ้มด้วยศีลธรรม คุณงามความดี มันก็จะห่อหุ้มความต่ำตมจมอยู่กับเรื่องผิดพลาด เสียหาย บทเรียนครั้งนี้คงทำให้เรากระชับชีวิตกับคุณธรรม ศีลธรรมให้แน่นไว้ อย่าให้มีช่องโหว่ ช่องว่างให้กิเลสตัวร้าย ความคิดแสนสาหัส เข้ามากล้ำกรายทำลายความสุขสงบของสังคมและตัวเราเอง

ต้องตื่นตัวต่อคำว่า “ศีลธรรมกลับมาเถิด” อย่าปล่อยให้เกิดอาชญากรรมเลวร้ายไปกว่านี้เลย ต้องให้ศีลธรรมกลับมาเพื่อความผาสุก อย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสว่า “ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ ศีลธรรมกลับมาโลกธาตุก็ร่มเย็น” เป็นโลกของมนุษย์ที่อยู่เย็นเป็นสุขกันต่อไป

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login