วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

นายกฯผุดไอเดียจัด “เทศกาลดนตรี” ดึงศิลปินดังของโลกโชว์กระตุ้นการท่องเที่ยว

On November 14, 2019

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยว่า วันนี้เป็นการหารือในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวก็ได้รับฟังจากภาคธุรกิจทุกส่วน ทั้งผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้าปลีก และในเรื่องของเมืองหลัก เมืองรอง รวมถึงการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเข้ามาบริหารงานตรงนี้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องกฎหมายต่างๆ วิธีการปฏิบัติที่อาจจะล้าสมัยในปัจจุบันก็จำเป็นต้องปรับแก้ในอนาคตต่อไป ซึ่งตนได้เร่งรัดทุกอย่าง จะต้องมีการแก้ไข รีบคิดรีบพิจารณาเป็นกลุ่มย่อยว่าจะแก้อะไรอย่างไร

โดยก่อนหน้านี้ได้มีการปรับแก้ไปหลายอย่างแล้วทางการประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่ดีงามของประเทศที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นการจะเขียนหรือโพสต์อะไรต่างๆ มันออกไปทั้งโลก ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี สิ่งที่เราทำได้คือระงับหรือห้าม แต่ก็ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งอยู่ที่จิตสำนึกที่ดีของพวกเราว่าควรจะเขียนอะไรหรือควรจะเผยแพร่อะไรในโซเชียลมีเดีย

นายกฯกล่าวว่า การสร้างบ้านเมืองให้น่าอยู่น่าเที่ยว ข้อสำคัญคือทุกคนต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก จะช่วยเหลือกันอย่างไร หลายอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยการประชุมขนาดใหญ่ อย่างที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม (MICE ) ที่ทำอยู่ เช่น การจัดกีฬา การจัดดนตรี

“ผมคิดมานานแล้วว่าการจัดมหกรรมดนตรีจะทำได้ไหม เอานักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลก ถ้าจัดได้ในสถานที่สำคัญที่สวยงามของประเทศไทยจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวที่ชอบฟังเพลงเหล่านี้มาได้ไหม เหมือนเทศกาลดนตรี ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ก็จะมีแต่ของเก่าๆ แต่ก็ต้องมีการลงทุน ทุกคนต้องร่วมไปด้วยกันทั้งหมด”

นายกฯกล่าวอีกว่า นอกจากนั้นก็ต้องระมัดระวังด้านความมั่นคง เพราะการท่องเที่ยวมีสัดส่วนเกิน 20% ของจีดีพี ซึ่งประกอบกันหลายกลุ่ม บางกลุ่มก็ยังมีปัญหาอยู่ และมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น การประกอบการถูกหรือผิดกฏหมาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องแก้ไขให้เขา ไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อนกันไปหมด จะทำอย่างไรก็อยู่ที่กฎหมาย ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันทำ เพราะฉะนั้นตนอยากให้เร่งแก้ปัญหาในวันนี้ จะต้องแก้ไขให้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ตามที่มีการร้องขอเข้ามา อะไรที่ทำได้ก็ทำคู่ขนานกันไปกับแนวทางในระยะยาว และจะมีการจัดทำแผนแม่บทด้านการท่องเที่ยว ซึ่งตนได้บอกไว้ว่าจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในช่วง 5 ปีแรก 2560-2564 รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับปัจจุบันมันตรงกันหมด ถึงวันนี้ก็แก้ไขปัญหาได้เยอะพอสมควร แต่ไม่ได้ไปล็อกอะไร สามารถปรับได้หมด วันนี้คิดและทำอย่างนี้ วันหน้าสถานการณ์เปลี่ยนก็แก้ไขกันได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหา ไม่ได้สืบทอดอำนาจใครทั้งสิ้น แต่เป็นอำนาจในการบริหารงานของส่วนราชการและภาคธุรกิจเอกชนที่ร่วมมือกัน

นายกฯกล่าวต่อว่า มาตรการต่างๆที่ออกมากระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ถ้าเราไม่ปลดล็อกตรงนี้ก็อาจจะไม่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก ซึ่งเราต้องการมากกว่านี้ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงมกราคมปีหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องไม่ได้มีอะไรมากนัก มีบางอย่างที่ลด มีบางอย่างที่เพิ่ม ข้อสำคัญการแข่งขันมีมากในขณะนี้ เราต้องปรับของเราให้ทันของเขา แต่หลายอย่างเราทำไม่ได้เหมือนเขา ตรงนี้คือปัญหา เพราะอะไร ก็เพราะความขัดแย้งหลายๆอย่าง มัวแต่เสียเวลาเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่

ทั้งนี้ ก่อนเสร็จสิ้นการประชุม นายกฯกล่าวว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยด้านต่างๆ เพื่อเน้นการเชื่อมโยงเป็นรัฐบาลดิจิทัล รัฐบาลรับฟังปัญหาจากทุกฝ่าย มีหลายสิ่งที่คิดจะทำแต่ติดขัด เพราะรัฐบาลต้องมีเอกชนช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมที่ทำให้เดินไปได้ ไม่ใช่เอาแต่ปัญหามาบอก มันต้องร่วมมือกัน ทั้งแผนระยะสั้น กลาง ยาว ทำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับแก้ได้ เป็นการปรับให้สอดรับกับสถานการณ์ได้ตลอด

“ขอให้เราเข้าใจตรงกัน ดูแลประชาชนทุกระดับด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะทำสิ่งใดก็ดี เราต้องเห็นตรงกันในมิติของความมั่นคงด้วย เราต้องร่วมกันทำให้ภาคประชาชน เอกชน ราชการเข้มแข็ง เพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน ผมขอแค่นี้ ขอให้ร่วมมือกัน ผมช่วยท่าน ท่านช่วยรัฐบาล ช่วยกันดูแลประชาชน” นายกฯกล่าว


You must be logged in to post a comment Login