วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

ระวังติดกับดักความรุนแรง

On November 12, 2019

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 12 พ.ย. 62)

เหตุการณ์ยิงถล่มเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยคนร้ายใช้อาวุธสงคราม ทั้งอาก้า เอ็ม 16 และปืนลูกซอง ยิงถล่มป้อมยามจุดตรวจ ชรบ. ประจำหมู่บ้านทุ่งสะเดา และชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ลำพะยา หมู่ 5 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ยิ่งเป็นการตอกย้ำปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐได้วิสามัญผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 2 คน จนสื่อต่างประเทศระบุว่าเป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบหลายปี

ทางสำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุตอนหนึ่งว่า การใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขตเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและละเมิดหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง สำหรับศาสนาอิสลามนั้น การฆ่าผู้บริสุทธิ์ถือว่าเป็นบาปใหญ่ ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าใช้สติในการเผชิญกับปัญหาเช่นนี้ ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ก่อเหตุที่มุ่งหวังให้เกิดความกลัวและทำลายความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลและเอกชนทุกภาคส่วนเร่งสร้างความเข้าใจต่อประชาชนทุกศาสนาให้ตระหนักถึงการรักษาสัมพันธภาพอันดีต่อกันเอาไว้ เพื่อธำรงสันติสุขและความมั่นคงสืบไป

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการใช้กลยุทธ์ก่อการร้ายสร้างเหตุรุนแรงกดดันการทำงานของรัฐ แต่เราต้องการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี บังคับใช้กฎหมาย พัฒนาและสร้างการมีส่วนร่วม ถ้าเราตีความผิดผลกระทบจะเกิดกับประชาชนในพื้นที่ วันนี้ก็ยังใช้นโยบายเชิงรุก แต่ต้องระมัดระวังการใช้อาวุธต่างๆให้ดี การใช้กฎหมายต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนมากเกินไป ต้องมีระยะเวลาจำกัด

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำถึงการเดินหน้าพูดคุยสันติสุขว่า มีการพูดคุยกันแล้ว แต่มีบางพวกไม่อยากมา คือกลุ่มหัวรุนแรง ขณะที่มาเลเซียตอบสนองเรื่องนี้ด้วยดี แต่เราต้องทำเรื่องต่างๆไปพร้อมกัน เช่น บุคคลสองสัญชาติ พร้อมยืนยันว่ายังต้องมีกำลังทหารทำงานในพื้นที่ และเสริมกำลังในท้องถิ่นเพิ่มความเข้มแข็งมากขึ้น อย่างเหตุการณ์ครั้งนี้ฐาน ชรบ. ที่อยู่ในจุดดังกล่าว เพราะมีกลุ่มหมู่บ้านอยู่ ต้องเข้าไปดูแล แต่สถานที่มีจำกัดจึงไปตั้งฐานในสวนยาง ทำให้ทัศนวิสัยจำกัด เปิดโอกาสให้คนเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งตนได้เตือนแล้วว่าต้องหาวิธีการใหม่ ปรับในเชิงกลยุทธ์ ป้องกันชายแดน ลักลอบการเข้าออก โดยปี 2563 จะทำมาตรการเหล่านี้มากยิ่งขึ้น

ส่วนกลุ่มบีอาร์เอ็นได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ โดยบีอาร์เอ็นยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติภาพ ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการ ซึ่งฉากหน้าคือความพยายามพูดคุยอย่างสันติ แต่ฉากหลังได้สั่งกำลังพลทุกระดับชั้นดำเนินการทุกรูปแบบต่อประชาชนปาตานี ทั้งการอุ้มฆ่า สังหารอย่างถูกกฎหมาย (พ.ร.ก. และกฎอัยการศึก) เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมโดยที่ไม่มีการยินยอม และอื่นๆ

ในที่สุดความตายทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ เกิดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “ธรรมสังเวช” คือเริ่มสังเวชตัวเองกันแล้ว วันๆไม่คิดสร้างสรรค์อะไร คิดแต่จะล้างผลาญ เบียดเบียน เอาคืน แล้วในที่สุดความไม่สงบก็เกิดขึ้น อย่างที่ทางศาสนาบอกว่า “สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี” ตอนนี้ถ้าใครทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบได้ คนใต้ก็จะอยู่อย่างมีความสุข ยุติความรุนแรง เพราะทำให้อยู่ร้อนนอนทุกข์ พอหยุดรุนแรงก็จะเริ่มอยู่เย็นเป็นสุข แล้วก็จะเกิดความพอใจในความอยู่เย็นเป็นสุข

ความจริงแล้วความตายไม่ได้แก้ปัญหาอะไร มีแต่ความแค้นเพิ่มขึ้น ระหว่างแก้แค้นกับแก้ไขนั้น ถ้ามนุษย์มีสติปัญญาก็จะแก้ไข แต่ถ้าโง่ก็จะเอาแต่แก้แค้น ในที่สุดก็ติดกับดักความแค้น กับดักความรุนแรง ในสมองมีแต่คิดจะแก้แค้น เอาคืน รุนแรงมากขึ้น

น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วสติปัญญาในการอยู่เป็นไม่มี อยู่ไปก็จะมีแต่ตายไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขากำลังฮิตคำว่า “อยู่เป็น” พรรคการเมืองหนึ่งจุดประกายคำว่า “อยู่เป็น” ขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นนโยบายแค่ไหน อย่างไร ต้องติดตามดูต่อไป แต่ก็ตรงกับหลักธรรมที่ว่า ตั้งตนไว้ถูก ตั้งตนไว้ดี ตั้งตนไว้เป็น มันก็อยู่ดีมีสุขไป แต่ถ้าตั้งตนไม่ถูก อยู่ไม่เป็น ก็ตายเช้าตายเย็นกันอยู่อย่างนี้แหละ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login