วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ฝังทั้งเป็น

On October 4, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 4-11 ตุลาคม 2562)

เด็กหญิงหายตัวไประหว่างเดินทางกลับบ้าน ชาวบ้านและตำรวจระดมกำลังช่วยกันค้นหาจนกระทั่งพบหนูน้อยอยู่ในลังไม้ขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ยังชีพถูกฝังไว้กลางป่าไม่ห่างจากบ้าน

หมู่บ้านอิชิ่งและหมู่บ้านชอนดอร์ฟอายุกว่า 100 ปี อยู่ห่างกันไม่ถึง 2 ไมล์ ทางด้านเหนือของทะเลสาบอัมเมอร์ซี ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมัน ล้อมรอบด้วยทิวเขาและป่าสน เป็นสถานที่ที่ผู้ดีมีเงินชอบมาซื้อบ้านหลังที่สองเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อน และยังเป็นจุดหมายของผู้ชื่นชอบกีฬาล่าสัตว์ ขี่จักรยานภูเขา และวิ่งออกกำลังกาย

วันอังคารที่ 15 กันยายน 1981 เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนประถมฯ หลังจากโรงเรียนเลิก เออร์ซูล่า เฮอร์แมนน์ วัย 10 ขวบ ก็รีบตรงกลับบ้านในหมู่บ้านอิชิ่งเพื่อฝึกฝนเปียโนกับไมเคิล พี่ชายคนโต หลังจากฝึกเปียโนเสร็จเธอขี่จักรยานผ่านป่าสนเดินทางไปเรียนยิมนาสติกที่หมู่บ้านชอนดอร์ฟ

หลังจากเสร็จจากการเรียนยิมนาสติก เออร์ซูล่าแวะไปกินข้าวเย็นที่บ้านญาติในหมู่บ้านชอนดอร์ฟ จนกระทั่งเวลา 19.20 น. แม่ของเธอโทรศัพท์มาเตือนว่าพระอาทิตย์จะตกดินแล้วให้รีบกลับบ้าน แม้ว่าเวลานั้นจะไม่มีแดดแล้วแต่ฟ้าก็ยังสว่าง ไม่น่ากลัว อีกทั้งการเดินทางด้วยจักรยานใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเออร์ซูล่ายังเดินทางไม่ถึงบ้าน แม่จึงโทรศัพท์ไปตามที่บ้านญาติอีกครั้ง ได้รับคำตอบว่าเออร์ซูล่ากลับไปเมื่อ 25 นาทีก่อน ทั้งคู่รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ พ่อรีบออกจากบ้านไปตามหาตามเส้นทาง ขณะเดียวกันอาก็รีบออกมาตามเออร์ซูล่าเช่นเดียวกัน ทั้งคู่มาพบกันที่กลางทางโดยไร้วี่แววของเออร์ซูล่า

ไปรษณีย์มาช้า

1 ชั่วโมงต่อมา ตำรวจพร้อมสุนัขดมกลิ่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และกลุ่มชาวบ้านช่วยกันออกค้นหา จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนสายฝนก็เทลงมา สุนัขดมกลิ่นวิ่งนำเข้าไปในป่าสนฝั่งตรงข้ามทะเลสาบ พบจักรยานสีแดงของเออร์ซูล่าห่างจากเส้นทางสัญจร 20 เมตร แต่ไม่พบตัวเออร์ซูล่า

เช้าวันรุ่งขึ้นตำรวจพร้อมเครื่องมือทุกชนิดที่มีนำกำลังออกค้นหา ใช้เฮลิคอปเตอร์ส่องหาจากบนฟ้า ใช้เรือและนักดำน้ำค้นหาบริเวณทะเลสาบ สถานีวิทยุท้องถิ่นเผยแพร่ข่าวการหายตัวไปของเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ส่วนสูง 143 ซม. รูปร่างผอม ผมสีบลอนด์ สวมกางเกงสีเขียวเข้ม เสื้อถักสีเทา และรองเท้าแตะสีน้ำตาลแดง

เช้าวันพฤหัสบดีหลังจากเออร์ซูล่าหายตัวไปนานกว่า 36 ชั่วโมง โทรศัพท์บ้านเฮอร์แมนน์ดังขึ้น ผู้เป็นพ่อรับสายแต่ไม่มีเสียงใดๆจากปลายสายอีกฝั่ง สักพักใหญ่ๆมีเสียงเพลงสั้นๆดังขึ้น เขาจำได้ว่ามันเป็นเพลงเข้ารายการรายงานข่าวจราจรของสถานีวิทยุบาเยิร์น 3 หลังจากนั้นปลายสายอีกฝั่งก็เงียบลงก่อนที่เพลงเดิมถูกเปิดอีกครั้ง และผู้โทรศัพท์เข้ามาวางสายลง

ในวันเดียวกันบ้านเฮอร์แมนน์ได้รับโทรศัพท์แบบเดียวกันนี้ 3 ครั้ง ตำรวจคาดว่าอาจเป็นโทรศัพท์จากคนร้ายพยายามติดต่อเพื่อเรียกค่าไถ่ จึงติดตั้งเครื่องบันทึกเสียงกับโทรศัพท์ และจัดกำลังตำรวจไว้ที่บ้านเฮอร์แมนน์

เที่ยงวันถัดมาบุรุษไปรษณีย์นำจดหมายตีตรา “ด่วน” จ่าหน้าซองถึงพ่อเออร์ซูล่า เมื่อฉีกซองออกพบข้อความตัดแปะตัวหนังสือ ใช้ไวยากรณ์ผิดๆถูกๆมีใจความว่า “เราจับตัวลูกสาวคุณไว้ ถ้าคุณอยากเห็นลูกสาวมีชีวิตให้จ่ายค่าไถ่ 2 ล้านมาร์ค เราจะโทรศัพท์หาคุณ เมื่อได้ยินเสียงเพลงสั้นๆให้ตอบว่าจะจ่ายเงินหรือไม่จ่าย หากคุณไม่จ่ายหรือแจ้งตำรวจ เราจะสังหารลูกสาวคุณ”

ระดมทุน

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่าย เสียงเพลงสั้นๆเพลงเดิมลอดออกมาจากปลายสายอีกฝั่ง แม่เออร์ซูล่ารีบตอบทันทีว่าฉันยอมจ่าย แต่คุณต้องพิสูจน์ว่าลูกสาวฉันยังมีชีวิต ให้บอกชื่อตุ๊กตา 2 ตัวของลูกสาวฉัน แต่ไม่มีเสียงตอบจากปลายสาย แม่เริ่มกระวนกระวาย “พูดกับฉันสิ พูดอะไรก็ได้ที่รู้มาจากเออร์ซูล่า” หลังจากนั้นผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาก็วางสายไปเฉยๆ

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน มีจดหมายอีกฉบับส่งถึงบ้านเฮอร์แมนน์ เป็นข้อความตัดแปะตัวหนังสือใช้ไวยากรณ์ผิดๆถูกๆเหมือนฉบับก่อน มีใจความว่า “จ่ายเงินค่าไถ่เป็นธนบัตร 100 มาร์ค บรรจุในกระเป๋าเดินทาง ให้พ่อของเออร์ซูล่าขับรถเฟียต 600 สีเหลือง ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. นำไปส่งยังสถานที่นัดหมาย แต่ยังไม่บอกว่าที่ไหน”

สิ่งหนึ่งที่คนร้ายไม่รู้คือ ครอบครัวเฮอร์แมนน์ไม่ใช่คนร่ำรวย การที่พวกเขามีบ้านริมทะเลสาบก็เพราะปู่ทวดของเออร์ซูล่าซื้อที่ดินเอาไว้ตั้งแต่สมัยมีราคาเพียงไม่กี่สตางค์เมื่อหลายสิบปีก่อน พ่อของเออร์ซูล่าเป็นเพียงครูโรงเรียนมัธยมฯ ส่วนแม่ไม่ได้ทำงาน พวกเขาไม่มีปัญญาหาเงิน 2 ล้านมาร์คมาจ่ายค่าไถ่ได้

เพื่อนบ้านช่วยกันบริจาคเงินให้ครอบครัวเฮอร์แมนน์จำนวนหนึ่ง ส่วนที่ขาดรัฐบาลสำรองจ่ายให้จนครบจำนวน 2 ล้านมาร์ค ที่เหลือก็คือรอการติดต่อจากคนร้ายเพื่อบอกวันเวลาและสถานที่ แต่หลายวันผ่านไปโดยที่คนร้ายไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

เด็กหญิงในลังไม้

2 สัปดาห์ผ่านไปโดยไม่มีการติดต่อกลับจากคนร้าย ตำรวจตัดสินใจระดมพลค้นหาหนูน้อยอีกครั้ง ตำรวจกว่า 100 นาย และสุนัขดมกลิ่น 10 ตัว แบ่งกำลังออกเป็น 4 กลุ่ม ตีตารางพื้นที่กระจายกำลังค้นหาทุกตารางนิ้ว โดยใช้ท่อนเหล็กแหย่ลงบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้

วันที่สี่ผ่านไปตำรวจค้นหาแทบจะครบทุกตารางนิ้วของป่าสน จนถึงวันนี้เออร์ซูล่าหายตัวไปได้ 19 วัน เวลา 09.30 น. เสียงตะโกนของหนึ่งในทีมค้นหาดังมาจากพื้นที่โล่งห่างจากทางสัญจรริมทะเลสาบประมาณ 800 เมตร ตำรวจนายหนึ่งพบวัตถุแข็งบางอย่างใต้พื้นดิน

ตำรวจคนอื่นๆตามมาช่วยกันเก็บกวาดใบไม้และคุ้ยดินบริเวณนั้นจนพบผ้าห่มสีน้ำตาลคลุมแผ่นไม้ใต้พื้นดิน เมื่อยกแผ่นไม้ขึ้นก็พบแผ่นไม้อีกแผ่นทาสีเขียวขนาดกว้าง 60 ซม. ยาว 72 ซม. ติดกลอน 7 ตัว ตำรวจช่วยกันถอดกลอนและเปิดแผ่นไม้สีเขียวก็พบร่างไร้ลมหายใจของหนูน้อยเออร์ซูล่า

เจ้าหน้าที่ชันสูตรระบุว่าเออร์ซูล่าเสียชีวิตด้วยการขาดอากาศหายใจระหว่าง 30 นาทีถึง 5 ชั่วโมงหลังจากถูกนำใส่ลังไม้ฝังใต้ดิน เป็นไปได้ว่าคนร้ายโปะยาสลบเออร์ซูล่าก่อนจะนำร่างใส่ลงในลังไม้ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้าย และไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวขณะอยู่ในลังไม้

คำนวณพลาด

คนร้ายไม่ได้ตั้งใจทำให้เออร์ซูล่าเสียชีวิต ลังไม้มีขนาดสูง 140 ซม. ร่างของเออร์ซูล่านั่งอยู่บนเก้าอี้ 2 ชั้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นโถส้วมในตัว ภายในลังไม้มีน้ำดื่ม 3 ขวด น้ำผลไม้ 12 กระป๋อง ช็อกโกแลต 6 แท่งใหญ่ บิสกิต 4 กล่อง หมากฝรั่ง 2 กล่อง หนังสืออ่านเล่นและหนังสือการ์ตูน 21 เล่ม

มีหลอดไฟส่องสว่างและวิทยุตั้งคลื่นไว้ที่สถานีวิทยุบาเยิร์น 3 ผนังด้านหนึ่งต่อท่อประปาขึ้นถึงระดับผิวหน้าดินเพื่อใช้ระบายอากาศ แต่อากาศบริสุทธิ์ไม่สามารถเข้ามาในลังไม้ได้ถ้าไม่มีเครื่องปั๊มอากาศ ด้วยเหตุนี้เออร์ซูล่าจึงเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเพียงไม่นานหลังจากถูกคนร้ายนำมาใส่ในลังไม้

ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายมีมากกว่า 1 คน เพราะลังไม้มีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ต้องใช้คนอย่างน้อย 2 คนที่จะยกมันมาฝังกลางป่าสนได้ และคนร้ายต้องรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี เนื่องจากใช้เวลาขุดหลุมและนำลังไม้มายังตำแหน่งสถานที่ลับตาคนรอดพ้นจากสายตาของผู้สัญจรและนักท่องเที่ยวโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

การสืบสวนไม่พบหลักฐานที่จะใช้ระบุตัวคนร้าย ตำรวจจึงตั้งเงินรางวัล 30,000 มาร์คให้กับผู้ที่สามารถให้เบาะแสคนร้ายแก่ตำรวจได้ จนกระทั่งมีคนให้ข้อมูลผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งที่มีที่พักอาศัยห่างจากบ้านครอบครัวเฮอร์แมนน์ไม่กี่ร้อยเมตร

คว้าน้ำเหลว

แวร์เนอร์ มาซูเรก ช่างซ่อมโทรทัศน์วัย 31 ปี อารมณ์ร้าย รูปร่างสูงใหญ่ พุงกลมโตเหมือนถังเบียร์ เป็นบุคคลที่ชาวบ้านอิชิ่งไม่อยากเสวนาด้วย เขามีหนี้สินกับธนาคารจำนวน 140,000 มาร์ค มีน้ำหนักให้เชื่อว่าอาจเป็นคนร้าย ตำรวจเข้าค้นบ้านแวร์เนอร์ แต่ไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงกับคดี

หลายวันผ่านไปเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบรอยนิ้วมือบนเทปกาวที่ใช้ประกอบลังไม้ ตำรวจจึงเปรียบเทียบกับชาวบ้าน 2 หมู่บ้านนับพันคนรวมถึงแวร์เนอร์ แต่มันไม่ตรงกับรอยนิ้วมือใคร อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงติดใจสงสัยแวร์เนอร์ เดือนมกราคม 1982 ตำรวจรวบตัวแวร์เนอร์และเพื่อน 2 คนที่เขาอ้างว่านั่งเล่นเกมด้วยกันในวันเกิดเหตุ ตำรวจสอบปากคำทั้ง 3 คนเป็นเวลาหลายวัน แต่ไม่พบพิรุธใดๆจึงปล่อยตัวพวกเขาไป

เดือนถัดมาตำรวจได้รับแจ้งจากเจ้าของบ้านเช่ารายหนึ่ง ระบุว่าก่อนหน้าวันเกิดเหตุหลายสัปดาห์เขาเห็นเคลาส์ ฟาฟิงเกอร์ ผู้เช่าบ้านคนหนึ่งขี่จักรยานยนต์นำพลั่วหายเข้าไปในป่าสน ตำรวจจึงตามไปรวบตัวเคลาส์มาสอบปากคำ

เคลาส์รับสารภาพว่า เมื่อต้นเดือนกันยายน 1981 แวร์เนอร์ว่าจ้างให้เขาขุดหลุมขนาดใหญ่กลางป่าสน โดยสัญญาจะให้ค่าจ้าง 1,000 มาร์ค กับโทรทัศน์สี 1 เครื่อง ตำรวจจึงบอกให้เคลาส์นำทางไปยังที่เกิดเหตุ แต่เมื่อถึงป่าสนเคลาส์กลับบอกทางสะเปะสะปะไม่ตรงจุด สุดท้ายแล้วเคลาส์บอกว่าเขาขอถอนคำรับสารภาพ เรื่องที่บอกตำรวจก่อนหน้านี้เขาโกหกทั้งสิ้น

การสืบสวนดำเนินไปจนถึงปลายทศวรรษ 1980 แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ครอบครัวเฮอร์แมนน์พยายามดำเนินชีวิตต่อไปท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ การเสียชีวิตของหนูน้อยเออร์ซูล่าเป็นหนึ่งในคดีปริศนาตลอดกาลที่ไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้

1

1.เออร์ซูล่า เฮอร์แมนน์

2

2.จดหมายเรียกค่าไถ่

3

3.เออร์ซูล่าในลังไม้ถูกฝังทั้งเป็น

4

4.ตำรวจพบหลุมกลางป่าสน

5

5.ตำรวจนำร่างเออร์ซูล่าออกจากป่าสน

6

6.ลังไม้ใช้ฝังร่างเออร์ซูล่า

7

7.ขวดน้ำดื่ม น้ำผลไม้ และขนมหวาน คนร้ายใส่ไว้ในลังไม้

ursula8

8.หนังสือการ์ตูนและวิทยุ


You must be logged in to post a comment Login