วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

‘เฝือก’อุปกรณ์ดามกระดูกและข้อ

On September 20, 2019

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช

ผู้เขียน: นพ.บวรฤทธิ์ จักรไพวงศ์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 20-27 กันยายน 2562)

หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่า “เฝือก” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยดามกระดูกให้เข้าที่ แต่ในความเป็นจริงเฝือกมีบทบาทอื่นอีก และใช้อย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด มีความรู้มาฝากค่ะ

เฝือก

จากวันนั้นถึงวันนี้เฝือกได้มีพัฒนาการมาแล้วหลายรุ่น ตั้งแต่ทำจากไม้ลักษณะเป็นซี่ถักติดกันเป็นแผ่นสำหรับดามกระดูกหัก ซึ่งแพทย์แผนโบราณจะจัดดึงกระดูกให้เข้าที่ แล้วทาด้วยน้ำมันมนต์ พันห่อแขนขานั้นๆไว้ด้วยเฝือก เพื่อให้อวัยวะส่วนนั้นได้อยู่นิ่งๆ เป็นการลดความเจ็บปวด ลดบวม และทำให้กระดูกที่หักนั้นติดกันดีดังเดิม ต่อมาได้มีการพัฒนาวัสดุอื่นมาใช้เป็นเฝือกแทนไม้ ได้แก่ ปูนปลาสเตอร์หรือเฝือกปูน และสารสังเคราะห์ หรือที่มักเรียกว่า “เฝือกพลาสติก” ทำจากไฟเบอร์กลาส เรซิ่น มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และยังปรับแต่งรูปทรงให้เหมาะสมกับอวัยวะส่วนนั้น

เฝือกมีอยู่ 2 ชนิดคือ

1.เฝือกปูน ทำจากปูนปลาสเตอร์มาเคลือบบนผ้าฝ้าย เมื่อใส่แล้วจะมีสีขาว นิยมใช้กันเนื่องจากราคาค่อนข้างถูก การใส่เฝือก การตัดเฝือก ดัดเฝือกก็ทำได้ง่าย แต่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก แตกร้าวง่าย ระบายอากาศไม่ค่อยดี อาจทำให้คันเพราะความอับชื้น ยิ่งถูกน้ำเฝือกก็จะเละ เสียความแข็งแรง เมื่อใส่เฝือกปูนแล้วต้องใช้เวลา 2-3 วัน เฝือกจึงจะแข็ง ดังนั้น จึงไม่ควรเดินลงน้ำหนักเมื่อใส่เสร็จใหม่ๆ

2.เฝือกพลาสติก เป็นพลาสติกสังเคราะห์ มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี แข็งแรง ทนทาน และเมื่อถ่ายภาพรังสีจะเห็นกระดูกได้ชัดเจนกว่า แต่ราคาแพง เวลาตัดเฝือก ดัดเฝือก ทำได้ยาก ทำให้ต้องตัดออกและใส่เฝือกใหม่อีกครั้ง แต่ข้อดีคือ เฝือกพลาสติกแห้งเร็วภายใน 1 ชั่วโมง

เมื่อไรเข้าเฝือก

1.กระดูก ข้อ เคลื่อนหรือหัก ในรายที่ได้รับบาดเจ็บหรือเกิดการอักเสบของกระดูก ข้อ กล้ามเนื้อ เอ็น เส้นประสาท หรือเป็นโรคกระดูก เพื่อให้อวัยวะส่วนนั้นอยู่นิ่งๆ ทั้งลดอาการปวด บวม อักเสบ ของอวัยวะนั้นให้ทุเลาลง และหายเป็นปกติโดยเร็ว

2.แก้ไขความผิดรูปของอวัยวะ เช่น เท้าปุก ให้กลับมามีรูปทรงที่ปกติ และทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป

3.ป้องกันการหดรั้งของกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น แผลจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

ดูแลตนเองและเฝือก

โดยทั่วไปถ้าไม่มีปัญหา แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจซ้ำประมาณ 1-2 อาทิตย์หลังใส่เฝือก เพื่อดูอาการและดูว่าเฝือกหลวมหรือไม่ ถ้าเฝือกหลวมก็อาจต้องเอกซเรย์และเปลี่ยนเฝือกให้ใหม่ ถ้าเฝือกแน่นและแข็งแรงดีอยู่ แพทย์ก็จะนัดทุก 1-2 เดือน เพื่อเอกซเรย์กระดูกจนกว่ากระดูกจะติดสนิท ซึ่งแพทย์จะใส่เฝือกไว้ประมาณ 4-6 อาทิตย์ แต่กระดูกจะติดสนิทนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 4-6 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะเอาเฝือกออกแล้ว กระดูกที่หักก็ยังติดไม่สนิท จึงควรระมัดระวังในการใช้งานและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่เช่นนั้นกระดูกที่เริ่มติดก็อาจจะหักซ้ำได้ ทำให้ต้องมาเริ่มต้นรักษากันใหม่ ในขณะที่ใส่เฝือกอยู่ต้องระวังดังนี้

1.อย่าทำให้เฝือกเปียกน้ำ

2.อย่าตัดเจาะหรือใช้ของแข็งแยงเข้าไปในเฝือก

3.หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะใส่เฝือกอยู่ ควรพบแพทย์โดยด่วน

– เมื่อมีอาการปวดมากยิ่งขึ้น หรือบวมที่บริเวณต่ำกว่าขอบเฝือก เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดี

– เมื่อนิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่เข้าเฝือกมีสีเขียวคล้ำ หรือซีด ขาว บวมมากขึ้น หรือมีอาการชา

– เมื่อไม่สามารถขยับเขยื้อนนิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่เฝือกได้

– เมื่อมีวัตถุแปลกปลอมหลุดเข้าไปในเฝือก อาจทำให้เกิดแผลกดทับและติดเชื้อตามมาได้

– เมื่อพบว่าเฝือกหลวม บุบสลาย หรือแตกหัก

– มีเลือด น้ำเหลือง หรือหนอง ไหลซึมออกมาจากเฝือกหรือมีกลิ่นเหม็น

ใช้เฝือกได้ดังหวัง

1.เฝือกต้องมีความกระชับกับอวัยวะนั้นๆมากที่สุด ไม่หลวมหรือแน่นคับจนเกินไป

2.มีความยาวเพียงพอ โดยครอบคลุมข้อที่อยู่เหนือและต่ำลงไปกว่าอวัยวะที่ต้องการให้อยู่นิ่งๆ ไม่ให้มีการเคลื่อนไหวได้

3.เฝือกต้องมีความแข็งแรงพอ ไม่บุบสลาย ไม่อ่อนนิ่ม หรือไม่หักได้ง่าย

อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อเข้าเฝือก

1.เฝือกหลวม เนื่องจากอวัยวะภายในเฝือกยุบบวมลง หรือเข้าเฝือกไม่กระชับตั้งแต่แรก

2.เฝือกคับหรือแน่นเกินไปจากการบวมที่เกิดหลังการเข้าเฝือก

3.การเข้าเฝือกนานเกินไป ทำให้ข้อติดยึด

4.การถอดเฝือกออกเร็วเกินไปโดยที่กระดูกยังไม่ติดกันดี ทำให้การเคลื่อนหลุดของปลายกระดูกที่หักเกิดติดผิดรูป ติดช้า หรือไม่ติด

พึงเข้าใจว่าการเข้าเฝือกเป็นวิธีรักษาอย่างหนึ่ง มิใช่การลงโทษหรือการซื้อขายของที่อาจต่อรองลดหย่อนในลักษณะที่ผิดหลักการได้ คุณอาจรู้สึกรำคาญ หงุดหงิด แต่นั่นก็คืออุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณหายจากโรคได้

 


You must be logged in to post a comment Login