วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

กำจัดจุดอ่อน

On July 12, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  12-19 กรกฎาคม 2562 )

ครั้งหนึ่งอเมริกาเคยมีกฎหมายควบคุมการแพร่พันธุ์ของผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญา ส่งผลให้มีการจับกุมตัวบุคคลกลุ่มเป้าหมายมาทำหมันด้วยการบังคับโดยที่พวกเขาไม่ยินยอม จนกระทั่งเกิดกรณีแม่บังเกิดเกล้าสั่งให้แพทย์ทำหมันลูกสาวโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้เป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลโด่งดังไปทั่วประเทศ เพราะคู่ความเป็นทายาทมหาเศรษฐี

ปี 1921 รัฐสภาอเมริกาผ่านร่างกฎหมายสุพันธุศาสตร์ หรือกฎหมายควบคุมการแพร่พันธุ์ของบุคคลที่มีพันธุกรรมด้อย เปิดทางให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องสามารถบังคับนำตัวบุคคลกลุ่มเป้าหมายมาทำหมันได้แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ยินยอมก็ตาม

ในปีเดียวกันนี้เอง ปีเตอร์ คูเปอร์ ฮิววิตต์ นักประดิษฐ์ผู้คิดค้นหลอดไฟไอปรอทหรือที่นิยมเรียกกันว่าหลอดไฟแสงจันทร์ เสียชีวิตลง ทิ้งมรดกจำนวนหลายล้านดอลลาร์ไว้ให้กับมาเรียน จีน แอนดรูว์ อดีตภรรยา และแอน คูเปอร์ ฮิววิตต์ ลูกสาวที่เกิดกับมาเรียน โดยแบ่งเงินมรดกออกเป็น 3 ส่วน ยกให้แอน 2 ส่วน และยกให้มาเรียน 1 ส่วน

แอนเกิดเมื่อปี 1914 ตอนที่บิดาเสียชีวิตเธอเพิ่งจะมีอายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น เธอจะได้รับมรดกก็ต่อเมื่อบรรลุนิติภาวะหรืออายุ 21 ปีบริบูรณ์ พินัยกรรมมีข้อแม้ว่าหากแอนเสียชีวิตก่อนมาเรียน และเธอไม่มีบุตรสืบทอดมรดก ก็ให้นำเงินมรดกส่วนที่แอนจะได้รับหรือเคยได้รับไปแล้วยกให้มาเรียนแทน

ทำร้ายลูกเพื่อเงิน

ปี 1935 แอนเกิดอาการปวดท้อง มาเรียนจึงพาลูกสาวไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล พบว่าเธอเป็นไส้ติ่งอักเสบ ก่อนที่แพทย์จะทำการผ่าตัด มาเรียนได้ติดสินบนนายแพทย์ซามูเอล บอยด์ และนายแพทย์ทิลตัน ทิลแมน เป็นเงินคนละ 9,000 ดอลลาร์ เทียบกับค่าเงินปัจจุบันประมาณ 165,000 ดอลลาร์ ให้ตัดท่อนำไข่ของแอนออกด้วยเพื่อที่เธอจะไม่สามารถมีบุตรได้

ขณะนั้นแอนยังอายุไม่ถึง 21 ปีบริบูรณ์ แค่เกือบจะถึงเท่านั้น ตามกฎหมายยังถือว่าเป็นเยาวชน ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆด้วยตนเองได้ ต้องให้ผู้ปกครองทำแทน ดังนั้น มาเรียนจึงมีสิทธิถูกต้องตามกฎหมายในการลงชื่ออนุญาตให้แพทย์ผ่าตัดนำท่อนำไข่ออก

มาเรียนให้เหตุผลว่า แอนเป็นโรคจิตฟั่นเฟือนจึงต้องทำหมันตามกฎหมายสุพันธุศาสตร์ แพทย์ก็ทำให้ตามความประสงค์ เนื่องจากมาเรียนเป็นแม่บังเกิดเกล้า ไม่คิดว่าจะมีเรื่องลับลมคมในอะไร หลังจากผ่าตัดเสร็จก็ส่งตัวกลับบ้าน โดยมาเรียนว่าจ้างพยาบาล แอน ลินเซย์ มาดูแลช่วงเวลาที่พักฟื้น

หลังจากแอนพักฟื้นที่บ้านภายใต้การดูแลของพยาบาลอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาหลายเดือน เธอก็ค้นพบความจริงว่าแพทย์ไม่ได้ผ่าตัดเพียงแค่ไส้ติ่งออกเท่านั้น แต่ยังผ่าตัดเอาท่อนำไข่ของเธอออกไปด้วย แอนตัดสินใจแจ้งความกล่าวโทษเอาผิดมาเรียน แม่บังเกิดเกล้า และนายแพทย์ 2 คนที่ทำการผ่าตัด เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 500,000 ดอลลาร์ หรือค่าเงินปัจจุบันประมาณ 9 ล้านดอลลาร์

ศึกสายเลือด

เดือนมกราคม 1936 ศาลนัดโจทก์และจำเลยมาให้การ มาเรียนอ้างว่าบุตรสาวของเธอสติไม่สมประกอบ ชอบสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เขียนจดหมายอีโรติกแนบขนเพชรให้กับคนขับรถ คบผู้ชายไม่เลือกหน้าตั้งแต่เด็กรับใช้ไปจนถึงเด็กยกกระเป๋าตามสถานีรถไฟ แอนจึงไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีได้ ทำให้มาเรียนตัดสินใจทำหมันให้กับแอน

มาเรียนอ้างผลการทดสอบระดับสติปัญญาของแอนโดยจิตแพทย์ ซึ่งแอนไม่สามารถตอบคำถามง่ายๆได้ เช่น แม่น้ำสายยาวที่สุดของอเมริกาชื่ออะไร หรือประธานาธิบดีมีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี

ทางด้านทนายโจทก์ก็ใช้ผลการวัดระดับสติปัญญาของจิตแพทย์ฝ่ายโจทก์ ซึ่งยืนยันว่าแอนมีความเฉลียวฉลาดกว่าค่าเฉลี่ยคนทั่วไป เธอรอบรู้ภาษาฝรั่งเศสและอิตาเลียน อ่านวรรณกรรมของเช็คสเปียร์ รู้ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส นโปเลียน มารี อองตัวแนตต์ และงานเขียนสำคัญอื่นๆอีกมากมาย

พยาบาลแอนให้การว่า เธอดูแลแอนระหว่างพักฟื้นนานกว่า 3 เดือน ไม่พบว่าแอนมีความผิดปกติด้านจิตใจแต่อย่างใด มิหนำซ้ำมาเรียนยังกักตัวให้แอนอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ยอมให้ติดต่อกับบุคคลภายนอก หากมีจดหมายหรือโทรศัพท์ถึงแอน มาเรียนจะเซ็นเซอร์ก่อนทุกครั้ง

ทนายโจทก์ให้ข้อมูลกับศาลเพิ่มเติมว่า มาเรียนผ่านการแต่งงานมา 4 ครั้ง ปีเตอร์เป็นสามีคนที่ 3 อีกทั้งมาเรียนติดการพนันอย่างหนักจนเป็นที่รู้กันในสังคมไฮโซ การติดสินบนแพทย์ให้ผ่าตัดท่อนำไข่แอนออกเพราะอยากได้มรดกส่วนของลูกสาวตามเงื่อนไขในพินัยกรรมของสามี

กระแสตีกลับ

หลังจากความจริงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ กระแสก็ตีกลับไปที่มาเรียน ระหว่างรอผลการพิจารณาคดี มาเรียนพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาดระหว่างพักอยู่ที่โรงแรมพลาซ่าในกรุงนิวยอร์ก แต่มีคนไปพบเสียก่อนจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ก่อนจะถูกส่งตัวไปสถานบำบัดโรคทางจิตในรัฐนิวเจอร์ซีย์

ระหว่างที่มาเรียนรักษาตัวในสถานบำบัดโรคทางจิต การพิจารณาคดีส่วนของแพทย์ 2 คนที่ทำการผ่าตัดแอนยังคงดำเนินต่อไป พอล โปปโน ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมสุพันธุศาสตร์แห่งอเมริกา มาเป็นพยานให้กับจำเลย เขาแจ้งกับศาลว่าคำให้การของพยาบาลแอนเชื่อถือไม่ได้ เพราะเธอเป็นเพียงพยาบาล การวิเคราะห์สภาพจิตผู้ป่วยต้องเป็นแพทย์เท่านั้นจึงจะทำได้

ขณะทำการผ่าตัดแอนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดังนั้น การยินยอมของมารดาซึ่งเป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมจึงถูกต้องตามกฎหมาย ศาลพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับพยานจำเลย ตัดสินยกฟ้องนายแพทย์ทั้ง 2 คน

ขณะเดียวกันแอนรู้สึกสงสารมาเรียนที่เครียดหนักจนถึงขั้นกินยาฆ่าตัวตาย เธอตัดสินใจประนีประนอมยอมความโดยเรียกค่าเสียหาย 150,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.7 ล้านดอลลาร์ แต่มาเรียนไม่สามารถกลับเข้าสู่สังคมคนไฮโซได้อีก เพราะเรื่องฉาวโฉ่ที่เธอทำร้ายลูกสาวตัวเองเพื่อหวังเงินมรดก

มาเรียนหมกตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์กลางกรุงนิวยอร์กก่อนจะเสียชีวิตในอีกไม่กี่ปีต่อมาด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก มีแขกไปร่วมพิธีฝังศพเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือแอนที่ไปร่วมงานด้วยน้ำตานองหน้า ดูเหมือนเธอจะอโหสิกรรมให้กับมารดา

แอนแต่งงาน 5 ครั้ง ก่อนจะเสียชีวิตในปี 1956 ด้วยวัยเพียงแค่ 42 ปี ขณะที่กฎหมายสุพันธุศาสตร์ถูกยกเลิกในเวลาต่อมา เนื่องจากมีผลการวิจัยการกำจัดพันธุกรรมด้อยให้หมดไปไม่สามารถทำได้ภายใน 3 ชั่วอายุคน แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 68 ชั่วอายุคน เพราะคนที่ดูปกติส่วนใหญ่จะมีพันธุกรรมด้อยแฝงอยู่ เพียงแต่ไม่แสดงออกในรุ่นของเขาเท่านั้น พันธุกรรมด้อยจะยังคงถูกส่งผ่านไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน

 

1

1.แอน คูเปอร์ ฮิววิตต์

 

2

2.มาเรียน จีน แอนดรูว์

3

3.ปีเตอร์ คูเปอร์ ฮิววิตต์ กับหลอดไฟแสงจันทร์

4

4.แอนขณะขึ้นศาล

5

5.แอน คูเปอร์ ฮิววิตต์ และพยาบาลแอน ลินเซย์

6

6.นายแพทย์ซามูเอล บอยด์

7

7.นายแพทย์ทิลตัน ทิลแมน

8

8.แพทย์ยืนยันแอนไม่มีความผิดปกติทางจิต

9

9.ข่าวมาเรียนพยายามฆ่าตัวตาย

10

10.โปสเตอร์ต่อต้านกฎหมายสุพันธุศาสตร์


You must be logged in to post a comment Login