วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

“โบว์”เชื่อกระบวนการยุติธรรม2มาตรฐานพุ่งเป้าคดีการเมือง

On June 9, 2019

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีการจัดเสวนา “วิกฤตศรัทธาตุลาการ กับอนาคตประเทศไทย” โดย พ.ต.อ.วิรุฒ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเห็นว่าควรมีการแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีความอาญา โดยเฉพาะชั้นสอบสวนควรให้อัยการเข้ามามีส่วนร่วม ให้อัยการเข้าไปพื้นที่เกิดเหตุพร้อมๆกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะคดีฆาตกรรมไม่ควรปล่อยให้ตำรวจเข้าพื้นที่ฝ่ายเดียว เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามีหลายคดีที่ไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้ อีกเรื่องที่สำคัญ ตลอด 5 ปี คสช. คุยว่าออกกฎหมายกว่า 500 ฉบับ แต่กลับไม่ผ่านกฎหมายที่ช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่าง พ.ร.บ.การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ดีมากในการใช้ปราบปรามการทุจริต การเอาคนหรือของหลวงไปใช้ถือว่ามีความผิด ซึ่งมีการยกร่างแล้วแต่ไม่ผ่านสภาที่แล้ว จึงคิดว่าวันนี้มีสภาใหม่ มี ส.ส.-ส.ว. แล้วควรเดินหน้าต่อ และประชาชนต้องร่วมติดตาม

ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง กล่าวตอนหนึ่งว่า เรื่อง พ.ร.บ.การขัดกันแห่งผลประโยชน์นั้นตนเพิ่งได้ยิน แต่ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมรัฐบาลที่ผ่านมาถึงไม่ผ่านกฎหมายนี้ เพราะถ้าผ่านวันนี้คงไม่มีนายกรัฐมนตรีชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีส่วนในการเลือก 250 ส.ว. เพื่อมาโหวตเลือกนายกฯ นี่คือภิมหาของการขัดกันแห่งผลประโยชน์

น.ส.ณัฏฐากล่าวต่อว่า สำหรับวิกฤตศรัทธาตุลาการนั้นมีทั้งกระบวนการยุติธรรมปกติที่จะมักมีการตั้งข้อหากันอย่างง่ายๆและเลือกปฏิบัติ ส่วนกระบวนการยุติธรรมในองค์กรอิสระก็มักพบว่ามี 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ ประวิงเวลา ยกตัวอย่างคดีจำนำข้าวมีเอกสาร ข้อมูลเยอะ แต่ใช้เวลา 20 วันก็ฟ้อง ส่วนคดีนาฬิกาเพียง 20 เรือน กลับใช้เวลาเป็นปีๆแล้วออกมาบอกว่าไม่ผิด อีกกรณีคือการพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติที่ใช้เวลาภายในไม่กี่วันก็ตัดสินยุบพรรค แต่คำร้องยุบพรรคพลังประชารัฐซึ่งมีหลักฐานชัด แต่เพิ่งรับคำร้องไม่นาน นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่ตนมองว่ามีปัญหาคือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีการออกกฎหมายย้อนหลังให้เอาผิด ซึ่งขัดต่อหลักการของสหประชาชาติ อีกทั้งมีการออกกฎหมายให้สืบพยานลับหลังจำเลยได้ด้วยขัดหลักสิทธิมนุษยชน แสดงให้เห็นว่าการพยายามเอาผิดทักษิณ ชินวัตร คนเดียว ถึงกับต้องทำลายหลักนิติธรรมเลยหรือ

“และที่เห็นเมื่อหลายวันก่อนคือ ภาพประธานศาลฎีกา ประธาน ป.ป.ช. คนใกล้ชิด คสช. และน้องของคนในรัฐบาล นี่คืออะไร แบบนี้ยิ่งทำให้เกิดวิกฤตศรัทธา และล่าสุดมีคนจากพรรคการเมืองไปนั่งกินข้าวร้านเพลิน วิภาวดี กับสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะไปในฐานะคนคุ้นเคยก็ได้ แต่ก็อยากฝากให้คบคนเลือกหน้าด้วย เรารู้สึกเจ็บปวดกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยมาก เพราะยกเหตุผลมาแถ และพร้อมที่จะลืมสิ่งที่เขาทำมาตลอด 5 ปี พร้อมลืมนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวที่ถูกจับเข้าคุกและถูกบันทึกในบัญชีอาชญากรรมเพื่อไปรับตำแหน่งรัฐมนตรี คุณคือคนคบคนไม่เลือกหน้า เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่คบคุณ อย่างไรก็ตาม ที่อยากฝากคือ อย่าให้วิกฤตศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมต่อยอดไปถึงความไม่ยุติธรรมจริงๆ เพราะเมื่อไรที่คนไม่เชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่เมื่อนั้นจะเกิดกลียุค” น.ส.ณัฏฐากล่าว


You must be logged in to post a comment Login