วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

แฝดเงียบ / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On May 4, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 4-11 พฤษภาคม 2561)

พี่น้องฝาแฝดถูกสังคมรอบข้างดูถูกเหยียดหยามเพียงเพราะมีสีผิวแตกต่างจากคนอื่น พวกเธอจึงหลบเลี่ยงโดยไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์กับทุกคน และสร้างภาษาลับขึ้นมาสื่อสารกันเองเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ความหมาย ตลอดชีวิตจะมีเพียงแค่เรา 2 คน จนกว่าคนใดคนหนึ่งจะเสียสละชีวิตเพื่อให้คนที่เหลือรอดสามารถใช้ชีวิตแบบคนปรกติได้

ออเบรย์ และกลอเรีย กิบสัน เป็นชาวอินเดียตะวันตก แต่ผลกระทบจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เขาตัดสินใจอพยพย้ายถิ่นฐานไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศบาร์เบโดส หลังจากนั้นไม่นานออเบรย์ได้งานตำแหน่งช่างในกองทัพอากาศอังกฤษ ส่วนกลอเรียเป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูก เกรต้าลูกสาวคนโตเกิดเมื่อปี 1957 และเดวิดเกิดเมื่อปี 1959

ออเบรย์ถูกส่งตัวไปประจำที่ฐานทัพอากาศเอเดน ประเทศเยเมน จนกระทั่งวันที่ 11 เมษายน 1963 กลอเรียก็ให้กำเนิดฝาแฝดแท้เพศหญิง จูนคลอดเมื่อเวลา 08.10 น. ตามมาด้วยเจนิเฟอร์เวลา 08.20 น. ทารกแฝดมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์

ปลายปี 1963 ออเบรย์ถูกย้ายมาประจำฐานทัพอากาศเมืองลินตัน มณฑลยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ จนถึงปี 1967 กลอเรียให้กำเนิดลูกสาวอีกคนชื่อโรซี่ ปี 1971 ออเบรย์ถูกย้ายอีกครั้งไปยังฐานทัพอากาศมณฑลเดวอน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝาแฝดจูนและเจนิเฟอร์ถึงวัยเข้าเรียน

พวกเขาเป็นคน (แขก) ผิวดำเพียงครอบครัวเดียวในเมืองนี้ ทำให้ฝาแฝดเจอปัญหาถูกเพื่อนๆล้อเลียน ถูกแกล้งดึงผม และอื่นๆอีกต่างๆนานา จนครูต้องปล่อยให้ 2 พี่น้องฝาแฝดกลับบ้านก่อนเวลาโรงเรียนเลิกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเพื่อนๆแกล้ง ฝาแฝดเริ่มมีอาการไม่พูดจากับคนนอกครอบครัว

ปี 1974 ออเบรย์ถูกย้ายอีกครั้งไปยังฐานทัพอากาศเมืองฮาเวอร์ฟอร์ดเวสต์ คราวนี้ยิ่งหนักไปกว่าเก่า เพราะคนในเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเหยียดสีผิว โรงเรียนประถมฮาเวอร์ฟอร์ดเวสต์อนุญาตให้พี่น้องกิบสันกลับบ้านก่อนโรงเรียนเลิก 5 นาที เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพื่อนแกล้ง ฝาแฝดจูนและเจนิเฟอร์มักจะเดินกลับบ้านด้วยลีลาที่เหมือนการสวนสนาม พวกเธอจะก้าวเท้า แกว่งแขนสัมพันธ์กันเหมือนเป็นกระจกเงาสะท้อนภาพกันและกัน

พลังด้านมืด

จูนและเจนิเฟอร์ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับคนอื่น พวกเธอคิดค้นภาษาลับที่มีเพียงเธอ 2 คนกับโรซี่น้องสาวคนเล็กเท่านั้นที่เข้าใจ นานวันเข้าพวกเธอก็ไม่ยอมพูดคุยแม้แต่กับคนในครอบครัว จูนและเจนิเฟอร์จึงได้ฉายาใหม่ว่า “แฝดเงียบ”

ออเบรย์และกลอเรียเริ่มกังวลจึงส่งตัวจูนและเจนิเฟอร์ไปพบนักจิตวิทยา แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จิตแพทย์ไม่สามารถสื่อสารกับพวกเธอได้ ออเบรย์และกลอเรียคิดว่าหากจับพวกเธอแยกกันอาการอาจจะดีขึ้น จึงส่งตัวจูนและเจนิเฟอร์ไปอยู่โรงเรียนประจำคนละที่กัน แต่ผลกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ทั้งจูนและเจนิเฟอร์ยิ่งทำตัวเหมือนผีดิบ นอกจากจะไม่พูดคุยกับใครแล้วยังไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกาย

ออเบรย์และกลอเรียยอมแพ้ รับตัวฝาแฝดกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม คราวนี้พี่น้องฝาแฝดขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ใช้เวลาส่วนใหญ่แต่งนิยายเรื่องสั้น มีบางเรื่องได้รับการตีพิมพ์ มีแฟนคลับเล็กๆจำนวนหนึ่ง ช่วงเวลานี้พลังด้านมืดเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุม จูนและเจนิเฟอร์เริ่มทะเลาะกันเอง บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตี และมีครั้งหนึ่งที่จูนถึงกับพยายามฆ่าเจนิเฟอร์ด้วยการจับเธอกดน้ำ

จูนเขียนบันทึกไดอารีว่า “เรากลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต รังสีอำมหิตแผ่ออกจากร่างกาย ฉันถามตัวเองว่าฉันสามารถกำจัดเงาตัวเองได้ไหม ถ้าฉันไม่มีเงาแล้วฉันจะตายไหม หรือถ้าฉันไม่มีเงาแล้วชีวิตจะดีขึ้น ปราศจากเงาฉันจะตายหรือฉันจะเป็นอิสระ ปราศจากเงาแล้วจะเป็นเช่นไร โศกาอาดูร หลอกลวง หรือฆาตกร”

ปลดปล่อย

เมื่อเวลาผ่านไปความบาดหมางระหว่างพี่น้องฝาแฝดก็คลี่คลายลง ปี 1979 ฝาแฝดลาออกจากโรงเรียน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องตามลำพังเพียง 2 คน จนถึงปี 1981 พวกเธอเริ่มออกจากบ้านอีกครั้งเพื่อเดินทางไปหาเพื่อนนักเรียนชาวอเมริกันที่ไม่เหยียดสีผิวและเริ่มเข้าแก๊งวัยรุ่นทำเรื่องห่ามๆ เช่น ขโมยของ ขีดเขียนกำแพง งัดแงะโทรศัพท์สาธารณะ โทรศัพท์ป่วนตำรวจ ฯลฯ

ยิ่งนานวันก็ยิ่งหนักข้อขึ้น วันที่ 24 ตุลาคม 1981 จูนใช้น้ำมันใส่ขวดจุดสายชนวนปาเข้าไปในโชว์รูมรถแทรกเตอร์ ทำให้เกิดเพลิงไหม้จนวอดวาย วันที่ 8 พฤศจิกายน ฝาแฝดเงียบทุบหน้าต่างวิทยาลัยเทคนิคเพมโบรก พยายามเข้าไปวางเพลิง แต่ตำรวจสายตรวจมาพบเข้าเสียก่อน พวกเธอจึงถูกรวบตัว

การวางเพลิงเป็นคดีร้ายแรง พี่น้องฝาแฝดถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบอร์ดมัวร์ หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสถานที่คุมขังอาชญากรก่อคดีร้ายแรงที่มีปัญหาทางจิต ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่จับแยกขังคนละห้อง ทำให้จูนเครียดจัดพยายามฆ่าตัวตาย ขณะที่เจนิเฟอร์สติแตก อาละวาดไล่ทำร้ายพยาบาล

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่แม้ฝาแฝดจะถูกแยกห้องขังและไม่มีทางที่จะติดต่อกันได้ แต่พวกเธอกลับมีพฤติกรรมเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน แพทย์เฝ้าดูอาการฝาแฝดอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 12 ปี ลงความเห็นว่าอาการทางจิตของฝาแฝดเงียบไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้จนกว่าจะมีคนใดคนหนึ่งเสียชีวิตลง

ตายเพื่ออยู่

ความผูกพันของฝาแฝดเงียบเป็นที่สนใจของมาร์จอรี วอล์เลนซ์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทม์ เธอเดินทางมาคลุกคลีเก็บข้อมูลฝาแฝดเงียบเป็นเวลานาน จากการพูดคุย ศึกษาพฤติกรรม ศึกษาข้อความในสมุดบันทึก ได้ข้อสรุปว่าฝาแฝดเงียบมีความคิดเหมือนกันว่าพวกเธอไม่สามารถจากกันได้ จะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งล้มหายตายจากไป คนที่รอดชีวิตจึงจะกลับมาเป็นปรกติ

ปี 1993 แพทย์ลงความเห็นให้ย้ายตัวฝาแฝดเงียบไปยังสถานบำบัดทางจิต คลินิกคาสเวลล์ เมืองบริดจ์เอน เมื่อเจนิเฟอร์ได้ยินเช่นนั้นเธอก็รีบไปบอกมาร์จอร์รีว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าฉันจะต้องตาย”

ในวันกำหนดส่งตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่พาตัวเจนิเฟอร์ออกจากห้องขัง ระหว่างนั้นนั่นเองเจนิเฟอร์ก็ทรุดลงกับพื้น จูนรีบเข้าไปประคอง เจนิเฟอร์กล่าวร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย “ในที่สุดเราก็แยกจากกัน” จากนั้นก็เธอสิ้นใจ เจนิเฟอร์เพิ่งมีวัย 31 ปี เธอมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บก่อนหน้านี้ แพทย์ชันสูตรลงความเห็นว่าเธอเสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

จูนกล่าวว่า “ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระ เพราะเจนิเฟอร์ยอมพลีชีพเพื่อฉัน” และเป็นที่น่าแปลกใจว่านับตั้งแต่เจนิเฟอร์เสียชีวิต อาการทางจิตของจูนก็ดีวันดีคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งราว 10 ปีต่อมาเธอก็ได้รับการปล่อยตัวจากสถาบันรักษาโรคทางจิตและกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นได้

 

663-1

1.จูนและเจนิเฟอร์ในวัยเด็ก

663-2

2.จูนและเจนิเฟอร์วัยเรียนประถม

663-3

3.จูนและเจนิเฟอร์ในงานโรงเรียน

663-4

4.หนึ่งในเรื่องสั้น ประพันธ์โดยจูน กิบสัน

663-5

5.จูน กิบสัน

663-6

6.เจนิเฟอร์ กิบสัน

663-7

7.โรงพยาบาลบอร์ดมัวร์

663-8

8. (จากซ้าย) เจนิเฟอร์, มาร์จอรี และจูน

663-9

9.จูน กิบสัน

 


You must be logged in to post a comment Login