วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

สหรัฐส่งข้าวรุกตลาดเอเชีย

On August 30, 2017

แม้สหรัฐเป็นชาติอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก แต่รัฐบาลไม่ละเลยภาคการเกษตร โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมส่งออกข้าวและสินค้าเกษตรอื่นอย่างต่อเนื่อง

สหรัฐผลิตข้าวได้ปีละประมาณ 9 ล้านตัน ส่วนใหญ่ใช้ส่งไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 120 ประเทศ

เฉพาะในเอเชีย ตลาดสำคัญที่นำเข้าข้าวสหรัฐมี 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน สเปกที่นำเข้าคือข้าวเมล็ดกลาง (Medium grain) ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวเอเชีย

ช่องทางการซื้อขาย นอกจากติดต่อซื้อขายโดยตรงแล้ว สหรัฐยังใช้ช่องทางผ่านอินเทอร์เน็ตเสริมด้วย

แม้เผชิญการแข่งขันสูงจากประเทศส่งออกรายใหญ่อย่าง อินเดีย ไทย และเวียดนาม แต่สหรัฐยังเพิ่มยอดส่งออกข้าวได้ต่อเนื่อง โดยช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม) สามารถส่งออกเพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 23% มูลค่าเพิ่มขึ้น 10%

สำหรับญี่ปุ่น นำเข้าข้าวเมล็ดกลางจากสหรัฐมากที่สุดในเอเชีย โดยนำเข้าในปีงบประมาณที่แล้ว สิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 334,400 ตัน ขณะเกาหลีใต้นำเข้าปีล่าสุดประมาณ 90,000 ตัน

ฮ่องกงนำเข้ามากเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย ตามด้วยไต้หวัน โดยสหรัฐระบุว่า การส่งออกสู่ 4 ตลาดสำคัญในเอเชีย มียอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ล่าสุด สหรัฐสามารถเปิดตลาดใหญ่ได้ นั่นคือ ตลาดจีน ซึ่งเป็นประเทศผลิตข้าวได้มากที่สุดในโลก ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศบริโภคข้าวมากที่สุดในโลก และนำเข้าข้าวมากที่สุดในโลก

จีนตกลงเซ็นสัญญานำเข้าข้าวสหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และกำหนดส่งคณะเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบรวมทั้งดูการผลิตในสหรัฐปลายเดือนหน้า ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของสัญญานำเข้า ก่อนอนุมัติการนำเข้าอย่างเป็นทางการ

สหรัฐคาดว่า จะดำเนินการขั้นตอนต่างๆแล้วเสร็จ สามารถส่งออกข้าวลอตแรกไปยังจีนได้ประมาณต้นปีหน้า โดยข้าวส่งออกตามที่ตกลงไว้ในสัญญาคือข้าวสาร คาดยอดส่งออกปีแรกไว้เพียง 50,000 ตัน

ไมเคล ไคลน์ รองประธานฝ่ายการตลาดแห่งสหพันธ์ข้าวสหรัฐ (USA Rice Federation) ระบุว่า สหรัฐมีแผนหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ไปยังจีน โดยสหรัฐจะคัดสรรข้าวคุณภาพสูงกว่าข้าวไทยและเวียดนาม เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าชั้นกลาง ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นหลัก

สหรัฐมองว่าการเปิดตลาดจีนได้ ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้ช่วงเริ่มต้นจะส่งออกได้จำนวนไม่มากนัก แต่แนวโน้มในอนาคตสดใส เนื่องจากจีนเป็นตลาดใหญ่


You must be logged in to post a comment Login