วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

การปฏิรูปการศึกษา / โดย ณ สันมหาพล

On June 26, 2017

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

ไทยประกาศปฏิรูปการศึกษาอีกครั้ง แต่ก็คาดหมายว่าจะล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา เพราะผลที่ออกมาจะสะท้อนเป้าหมายเดิมๆที่แบ่งปันผลประโยชน์ในกลุ่มผู้บริหาร ไม่ใช่เพื่อการพัฒนาประเทศ ทั้งที่มีตัวอย่างจากฟินแลนด์ที่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปฏิรูปการศึกษาจากประเทศที่ล้าหลังที่สุดในยุโรปเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

นอกจากนี้สิงคโปร์ที่เคยเป็นประเทศที่มีปัญหาสารพัด โดยเฉพาะการเหยียดชาติพันธุ์ ก็สามารถจัดระบบการศึกษาที่สามารถหล่อหลอมนักเรียนทุกเชื้อชาติและชนชั้นให้เรียนร่วมกันได้ รวมถึงหล่อหลอมจิตสำนึกความเป็นชาตินิยม ขณะที่สิงคโปร์ยังขาดแคลนบุคคลระดับมันสมอง ซึ่งเอื้อประโยชน์แก่คนที่มีมันสมองเลิศจากทั่วโลกจะเข้าไปทำงาน

ด้านการศึกษาของสิงคโปร์ทุกวันนี้มีมาตรฐานสูงสุดของโลก สถาบันการศึกษาทุกระดับจึงดึงดูดเยาวชนทั่วโลกให้มาเรียน ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นแหล่งสร้างพลเมืองมันสมองเลิศของโลก

เห็นตัวอย่างฟินแลนด์และสิงคโปร์แล้วยังไม่รู้ว่าประเทศไทยจะปฏิรูปการศึกษาอย่างไร แม้จะประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 แต่ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้มองแค่ตัวเลข ยกตัวอย่างชาวนาที่ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับวิธีปลูกข้าวทุกขั้นตอน การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆสามารถส่งตรงถึงผู้บริโภคทางออนไลน์และองค์กรชาวนาที่ร่วมกันก่อตั้ง คือทุกอาชีพในโลกจะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อรองรับสังคมออนไลน์ จนในที่สุดผู้คนอาจไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่สำนักงาน ปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อมก็จะหมดไป

การปฏิรูปการศึกษาไทยควรรับมือกับวิทยาการ 4.0 อย่างไร คำตอบแบบไม่ต้องคิดคือ เริ่มต้นทำเหมือนกับฟินแลนด์คือ ยกเลิกการบังคับให้คัดลายมือ แต่เปลี่ยนมาสอนให้พิมพ์ระบบสัมผัสตั้งแต่อนุบาล เพื่อให้เด็กรู้จักใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นวัยที่สำคัญที่สุด เนื่องจากโลกยุคต่อไปจะต้องเผชิญภาวะทางสังคมที่หนักทั้งทางร่างกายและสมอง จึงต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วัยเด็กให้พร้อมในการดำรงชีวิต การมีทัศนคติและการปฏิบัติที่ดีต่อสังคมและคนรอบข้าง ซึ่งต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก

การปฏิรูปการศึกษาของไทยต้องยกเลิกการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา เพราะขัดกับหลักการสอนภาษาที่ต้องให้เด็กเก่งภาษาตัวเองก่อนแล้วจึงเรียนภาษาต่างประเทศ ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมคนไทยถึงไม่เก่งภาษาอังกฤษทั้งที่เรียนตั้งแต่เล็ก การสอนไวยากรณ์ สอนวรรณคดี จะช่วยให้เด็กไทยรู้จักคิด วิเคราะห์ และตั้งคำถาม เช่น การนอกใจของนางวันทองกับความเจ้าชู้ของขุนแผนบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับสังคมไทยขณะนั้น

การสอนพิมพ์ระบบสัมผัสไม่จำเป็นต้องแจกแทบแล็ตให้นักเรียนอย่างที่ฟินแลนด์ทำ แต่ควรดึงพ่อแม่เข้ามารับส่งเด็กไปโรงเรียน เพราะโรงเรียนคือศูนย์กลางของการเรียนรู้ที่มีห้องเรียนที่จะใช้ทั้งการเรียน การค้นคว้าในห้องสมุด การใช้หอประชุม และสนามกีฬา ผู้ปกครองสามารถเลือกเวลาว่างหรือวันหยุดร่วมกับเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กเปิดหูเปิดตาตามที่ธรรมชาติเรียกร้อง พ่อแม่ก็ได้ใกล้ชิดกับครูและโรงเรียน

หนึ่งในคำถามที่คาใจคนไทยมานานคือ ทำไมวัดไทยถึงร่ำรวยนัก ขณะที่โรงเรียนจนแสนจน คำตอบนั้นไม่ยาก เพราะคนไทยไม่เข้าโรงเรียน แต่เข้าวัดเป็นประจำ ทั้งงานบุญ งานบวช และงานศพ วิธีที่จะทำให้คนไทยเข้าโรงเรียนก็คือต้องจัดกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งกีฬาที่ได้รับความนิยมในหมู่โรงเรียน ซึ่งควรจัดให้มีการแข่งตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับภาค

หากทำได้เช่นนี้การแข่งขันกีฬาต่างๆก็จะมีคนมาดูเป็นจำนวนมาก อย่างการแข่งขันฟุตบอลชายชิงชนะเลิศประเทศไทยระหว่างทีมชนะเลิศภาคใต้กับภาคอีสาน หรือการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงชนะเลิศระหว่างภาคเหนือกับภาคกลาง

การแข่งขันกีฬาจะทำให้เกิดกิจกรรมต่อเนื่องอีกมากมาย เพราะนอกจากจะมีคนดูมากแล้ว ยังอาจมีค่าลิขสิทธิ์ต่างๆตามมาอีกด้วย


You must be logged in to post a comment Login