วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ทำดีไม่มีใครไล่หรอก! / โดย ประชาธิปไตย เจริญสุข

On June 12, 2017

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : ประชาธิปไตย เจริญสุข

อาจารย์อัษฎางค์ให้ความเห็นการย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่ายังมีอำนาจมากเหมือนเดิม แต่การทำงานยังไม่เข้าเป้า 3 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่แน่ใจว่ามีทีมงานที่สามารถวิเคราะห์ปัญหาประเทศว่ามีอะไรบ้างและจะแก้อะไรก่อนหลังหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ที่ทำเหมือนการสร้างภาพมากกว่า ไม่ว่าเรื่องการบุกรุกป่า การปราบทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งรัฐบาลธรรมดาทำไม่ได้ อย่างการยึดที่คืนแล้วเอาไปทำอะไร

เรื่องทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ชัดเจน ผมเองก็ประสบด้วยตัวเอง ได้ตัวแล้วไม่เอาจริง ถ้าเป็นพรรคพวกกันก็รอด ตัวใหญ่ๆไม่ค่อยโดน แต่เขาทำให้ประชาชนเชื่อด้วยการโฆษณาชวนเชื่อทุกวันซึ่งได้ผล เพราะประชาชนไม่ค่อยสนใจการเมืองและไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ มักเชื่อในสิ่งที่พูดแต่ไม่เชื่อในสิ่งที่ควรจะพิสูจน์หรือไม่ 3 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แม้กระทั่งเรื่องน้ำ การจราจรก็ไม่ได้เรื่อง มีแต่โครงการใหญ่ๆโปะใส่กรุงเทพฯ ไม่ได้กระจายความเจริญและรายได้สู่ท้องถิ่น ไม่มีการสร้างความมั่นคงในระดับรากหญ้า

คสช. ก็คงอยู่ไปเรื่อยๆ เพราะจะลงก็ลำบาก ไม่มีผลงานชัดเจน ที่เคยคุยโม้ว่าไม่เสียของ ใช้งบประมาณไปอย่างมาก แต่ไม่เห็นผลงานชัดเจน แม้แต่ปัญหาง่ายๆ เรื่องผักตบชวา เรื่องล็อตเตอรี่ ก็แก้ไม่เสร็จ ผลงานที่เขาพยายามจะแก้ อย่างการค้ามนุษย์ เพราะสหประชาชาติเล่นงานไทย จริงๆแล้วก็ไม่ได้แก้ที่ต้นตอ คือคุณภาพการศึกษาไทยมันแย่ การศึกษาระหว่างต่างจังหวัดกับในเมืองคนละเรื่อง

แม้แต่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผมก็ว่ารู้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกทาง ต้องเอาคนเก่งๆไปทำ ทั้งที่รัฐบาลนี้มีอำนาจมาก ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นระบบพรรคพวก คือไม่เก่งจริง ทีมงานแก้ปัญหาไม่ได้ ความจริงผมอยากเห็น คสช. แก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้เห็นความยุติธรรมจริงๆ 3 ปีต้องทำเสร็จแล้ว แม้แก้ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ปรากฏว่าทำแบบเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามีฝีมือจริงหรือเปล่า เอาทหารเป็นรัฐมนตรีเกือบ 10 กระทรวง ไม่เข้าท่า พลเรือนที่เข้ามาก็ไม่เก่ง

ส่วนเรื่องการสร้างความปรองดองก็มองปัญหาไม่แตก จริงๆแล้วประเทศไทยไม่ได้แตกหักเหมือนปากีสถาน ซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน แต่เราไปสร้างให้มันเกิดขึ้นเอง สร้างเรื่องให้ทะเลาะกัน ใครทะเลาะกับใครบอกผมหน่อย กี่เปอร์เซ็นต์ของประชากร คสช. มองปัญหาไม่แตกเลยแก้ไม่ถูก มองคนอื่นเป็นศัตรูไปหมด ไม่เปิดให้คนวิพากษ์วิจารณ์ คุณก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคุณทำดีหรือไม่ดีแค่ไหน ตรงนี้ถือเป็นจุดอ่อนของ คสช. ถ้าคุณเปิดให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ สร้างความร่วมมือจากเครือข่ายทุกแห่ง ฟังเสียงประชาชนบ้าง คุณก็อยู่ได้และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าคุณทำดีก็ไม่มีใครไล่คุณหรอก

ที่สะท้อนออกมาให้เห็นชัดเจนคือ รัฐประหารไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของประเทศ ทหารควรจะรู้ตัวตั้งนานแล้วว่า ตั้งแต่ปี 2475 มา 80 กว่าปีมีรัฐบาลรัฐประหาร 10 กว่าคณะ เจ๊งทุกคณะ ประเทศไม่ดีขึ้นเลย ตรงนี้สำคัญ รวมทั้งคณะรัฐประหารชุดปัจจุบันก็เจ๊งไม่เป็นท่าเหมือนกัน ความจริงต้องดูว่าประเทศเราเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไร การศึกษาเราต่ำจะตาย ไม่เท่าเทียม โรงเรียนก็แย่ สอบภาษาอังกฤษได้ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลย สอบภาษาไทยก็ตก แต่เราไม่แก้ ต้องทำให้คนต่างจังหวัดได้รับการศึกษาเท่าๆกับคนในกรุงเทพฯ

ปี 2561 จะมีเลือกตั้งหรือไม่

ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาล คสช. เขาคิดอะไร แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องเลื่อนเลย ถ้าเป็นผมจะทำเร็วขึ้นด้วย เพราะยังไงผมก็ได้กลับมาอยู่แล้ว แต่จะเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนอื่นหรือไม่กองทัพก็ยังเหมือนเดิม คือนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนภายนอกเหมือนเดิม เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจอย่างน้อย 2 สมัย

หากปี 2561 ไม่มีการเลือกตั้งจะเกิดอะไรนั้น ผมคิดว่ามันมีองค์ประกอบอะไรบ้าง คสช. ต้องเผชิญกับศึกนอกศึกใน คุณต้องดูเหตุผล ขนาดปี 2560 ก็ถือว่าช้าแล้ว 3 ปีที่ผ่านมาคุณทำอะไรบ้าง ประชาชนคนไทยได้รับประโยชน์อะไรบ้าง แก้ปัญหาเรื่องประมงทาสซึ่งเราเจอมานานแล้ว เราปล่อยปละละเลยเป็นเวลานานก็ยังแก้ไม่สำเร็จ ความเป็นธรรม ความยุติธรรมในสังคมก็ไม่มี การศึกษาก็ไม่มีอะไรใหม่ เปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไป 3-4 คนแล้วก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น เอาง่ายๆถ้าคุณให้พลเรือนมือดีๆอย่างผมไปพูด ผมจะพูดให้ฟังเลยว่าคุณควรทำอะไรบ้าง แค่นี้คุณก็ฮิตแล้ว ใครๆก็เชียร์คุณ

การตั้งคำถาม 4 ข้อ

ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเอามาเป็นเครื่องมือสนับสนุนเขา เป็นคำถามแบบมัดมือชก คุณแน่จริงคุณถาม 10 ข้อ ถามเรื่องความเลวร้ายของคุณบ้าง คุณต้องถามว่าปัญหาอะไรที่เห็นว่า คสช. แก้ไม่ได้ กล้าถามอย่างนี้มั้ย คุณถามเรื่องบวกกับคุณอยู่ตลอดเวลา คุณเขียนคำถามสำหรับคุณเองมันก็ได้ผลลัพธ์ในทางบวก เขาเอามาเป็นองค์ประกอบเพื่อจะเลื่อนเลือกตั้ง ถือเป็นวิธีง่ายๆของเผด็จการ ของหมูๆ ทำให้คนอื่นเขาดูถูกเปล่าๆ มีความเป็นไปได้ที่ คสช. จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ไปเรื่อยๆ เป็นตัวชูของคนอื่น

การตั้งคำถาม 4 ข้อก็เพื่อสนับสนุนตัวเขาเอง พวกเชลียร์คงทำให้ ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะ 3 ปีพูดกรอกหูคุณทุกวัน โฆษณาชวนเชื่อทั้งเช้าเย็น ทางรัฐศาสตร์พวกเผด็จการชอบใช้ ฝ่ายการเมืองจึงออกมาตอบโต้ เพราะเหมือนดูถูกคนในประเทศนี้ว่าโง่ ทำไมไม่กล้าตั้งคำถามเกี่ยวกับผลงานของตัวเอง ตามหลักวิชาการการยื่นคำถาม 4 ข้อ เพราะคุณกลัวตัวเองว่ารัฐประหารแล้วไม่เป็นท่า บริหารประเทศไม่ประสบความสำเร็จ กลัวถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่เขาคงไม่แคร์

สถานการณ์ของ คสช. ขณะนี้อยู่ได้ด้วยกองทัพเท่านั้นเอง เป็นไปได้ถ้าจะเปลี่ยนตัวหลังเลือกตั้ง เพราะเขียนรัฐธรรมนูญให้ทหารมีอำนาจเหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างไร แต่กองทัพต้องเรียนรู้ว่าทหารประชาธิปไตยคืออะไร มันเป็นเรื่องล้าสมัยแล้วที่ทำการยึดอำนาจ กองทัพก็คือประชาชน ประชาชนมีสิทธิที่จะบอกรัฐบาลว่าคุณโกงมากไปแล้ว คุณทำอย่างนี้ไม่ถูก ถ้ากองทัพซื่อสัตย์ พูดได้หมด เพราะเสียงดังกว่าเพื่อน คนเราถ้ามีความดีเป็นที่นับถือ พูดอะไรคนก็เชื่อ เหมือนผมอยู่รามคำแหงทำไมเด็กรามคำแหงเชื่อผม เราต้องเป็นตัวอย่างด้วย อันนี้พิสูจน์ได้ ไม่ใช่เรื่องกล่าวลอยๆ ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ทำตามสัญญาเรื่องโรดแม็พ ผมคิดว่าต้องมีคลื่นทั้งใต้น้ำ บนดิน คนจะออกมาต่อต้าน เพราะคนเริ่มไม่กลัวแล้ว เขาทนมานานแล้ว โดยเฉพาะคนจน คนรากหญ้า พวกที่ได้ประโยชน์ก็สบาย มีแต่พวกผมเท่านั้นที่พูดให้เขาฟัง แต่เขาก็ไม่ฟัง

ผมขอย้ำว่าถ้าคุณเป็นผู้นำแล้วซื่อสัตย์ ใครก็กลัวคุณ ช่วงที่ผมเป็นรองอธิการบดีรามคำแหง รักษาการอธิการบดี ทำไมคนกลัวผม ผมไม่เก็บแป๊ะเจี๊ยะแม่ค้าหรือไม่ คนก็งงว่ารองคนนี้บ้าหรือเปล่า แต่คนกลัวหมดเลย พวกมาเฟียหายเกลี้ยง ดังนั้น มันอยู่ที่ตัวเราด้วย ผู้นำต้องมีศักดิ์ศรี มีความซื่อสัตย์ เด็ดเดี่ยว เป็นที่ไว้ใจของประชาชน คุณต้องมีความเมตตาควบคู่ความเด็ดขาด อย่างนี้จึงจะเป็นลักษณะผู้นำทางการเมือง

โอกาสเกิดปฏิวัติซ้อน

มันมีความเป็นไปได้หมด ขณะนี้เขาเกิดความไม่แน่ใจ เพราะเขากลัวว่าเขาทำอะไรไม่สำเร็จแล้วเขาก็เสีย เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งอาจไม่ใช่เป้าหมายแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าที่ปรึกษาเขาคิดอะไร ถ้าเขาคืนอำนาจให้ประชาชนเร็ว เขาก็ยังอยู่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับกองทัพให้การสนับสนุนหรือไม่ เหมือนสมัยป๋าเปรม ถ้ากองทัพไม่สนับสนุนก็อยู่ไม่ได้ อยู่ที่กองทัพมองภาพเดียวกับ คสช. หรือไม่

ผมเห็นว่าเขาค่อนข้างเห็นแก่ตัวที่เอาแต่กลุ่มพวกเขามาบริหารประเทศ ซึ่งบางคนไม่แน่ใจว่ามีความสามารถจริงหรือไม่ ไปดูรายละเอียดต่างจังหวัดก็ไม่เห็นมีอะไรขยับ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันก็ยังเหมือนเดิม ช่วง 3 ปีมานี้เขาใช้งบประมาณไปเท่าไร เขากล้าแถลงหรือไม่ รายได้ก็ไม่เข้าเป้า แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี ส่งออกก็กระทบหลายด้าน แม้นักลงทุนไทยเก่ง แต่สิ่งที่รัฐบาล คสช. ต้องทำคือ ทำอย่างไรให้คนชั้นล่าง คนรากหญ้าอยู่ดีกินดีพอสมควร มีความเสมอภาค มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้รับความยุติธรรม ผมยังยืนยันคำเดิม ถ้าคุณทำดีไม่มีใครไล่คุณหรอก

ผมขอย้ำว่าถ้าเกิดรัฐประหารซ้อนก็พวกเขาเองทำกันเงียบๆ เช่น เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนคณะรัฐมนตรี คนที่มีอำนาจจริงๆต้องมีทีมที่ปรึกษาที่บอกว่าอะไรไม่ไหวแล้ว ควรจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน เอาพลเรือนดีมั้ย เชิญคนเก่งๆเข้ามาเลย มีเป้าหมายชัดเจนว่าภายใน 6 เดือนแรกมีอะไรเสร็จบ้าง ใช้วิธีอะไร เรื่องอะไรที่สามารถทำให้บรรเทาลงได้ภายใน 6 เดือน แล้วทำให้คนพอใจ

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ายังไม่ถึงขั้นจะเกิดรัฐประหารซ้อนหรอก อย่างมากก็แค่ผ่องถ่ายอำนาจกัน คือเปลี่ยนตัว หรือเปลี่ยนยกชุดทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็เหมือนรัฐประหาร ไม่ต้องไปฉีกรัฐธรรมนูญให้เสียเวลา แต่ก็ต้องคิดให้รอบคอบว่าเข้ามาแล้วทำอะไร ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ คือสมมุติคุณคืนประชาธิปไตยปีนี้ ผมแนะนำให้เลือกตั้งท้องถิ่นให้เสร็จเลย อันนี้เปิดประตูประชาธิปไตยแล้ว ภายในธันวาคมนี้ประกาศเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รูปแบบจะแก้ไขยังไงก็ว่ากันไป ทำกฎหมายให้เสร็จ หลังจากนั้นก็เปิดให้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้แล้ว ยกเลิกประกาศ คสช. เปิดโอกาสให้ครูบาอาจารย์จัดสัมมนา กล้าพูด กล้าชุมนุม รับฟังความคิดเห็น สร้างบรรยากาศประชาธิปไตยให้ต่างชาติเห็น ทำให้พวกเสี้ยนหนามที่คอยด่าว่าน้อยลง จากนั้นก็ประกาศว่าให้มีการเลือกตั้งใหญ่เมื่อไร รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เอื้ออำนวยคณะทหารเต็มๆอยู่แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่มีสิทธิเลย เว้นแต่คนจะมาลงคะแนนให้ 80 เปอร์เซ็นต์

สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ กองทัพยังมีบทบาททางการเมือง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้นำเหล่าทัพ หากกระดิกไปทางไหน ทหารเรือ ทหารอากาศก็ตาม ไม่มีใครค้าน ไม่มีทะเลาะกันหรอก เขาพูดกันรู้เรื่อง แต่ต้องทำเพื่อประเทศ เพราะประเทศมันบอบช้ำมากแล้ว ไม่ใช่ทำเพื่อพวกพ้อง เลิกเถอะหากินแบบพวกนักการเมือง อย่าไปทำเลย ไปว่าเขาแล้วเราก็ทำ เรื่องเปอร์เซ็นต์ เรื่องรับใต้โต๊ะ ต้องทำเพื่อส่วนรวมจริงๆประชาชนจะได้สนับสนุนอย่างมหาศาล

หากมีการผ่องถ่ายอำนาจกันจริงๆ นายกรัฐมนตรีจะเป็นพลเรือนหรือไม่ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับทหารจะคิดยังไง ถ้าเป็นรัฐบาลพลเรือน ต่างประเทศจะยอมรับมากกว่า ยังมีคนไทยที่เก่งเยอะแยะ คนมีชื่อเสียงที่ซื่อสัตย์ เลือกให้ถูกเท่านั้น อย่าไปเลือกพรรคพวกตัวเองที่ห่วยๆอย่างที่เคยทำ


You must be logged in to post a comment Login