วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

ต้องหยุดแทรกแซงคณะสงฆ์ / โดย ประชาธิปไตย เจริญสุข

On March 27, 2017

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : ประชาธิปไตย เจริญสุข

สถานการณ์วงการสงฆ์ไทยขณะนี้พูดง่ายๆว่าคือความแตกแยก เริ่มตั้งแต่มีการพูดเรื่องการปฏิรูปคณะสงฆ์สมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นคนทำงานตั้งแต่ปี 2557 หรือ 2558 ทำให้ความคิดเห็นเริ่มแตกแยกชัดเจน โดยกลุ่มคุณไพบูลย์ต้องการปฏิรูปแบบรุนแรง รวมทั้งสายพุทธะอิสระก็ออกมาเป็นระยะๆ ขณะที่คณะสงฆ์ต้องการให้เบากว่านั้นและจะจัดการกันเอง ไม่ใช่รัฐบีบบังคับ จนถึงช่วงพระราชทานเพลิงศพอดีตสมเด็จพระสังฆราชก็เริ่มมีปัญหาการแต่งตั้งสังฆราชใหม่ ซึ่งโยงไปกรณีวัดพระธรรมกาย รวมทั้งการตั้งข้อหาพระธัมมชโยว่าฟอกเงินและรับของโจร โยงถึงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขณะนั้น ทำให้ท่านโดนแจ้งข้อหากรณีครอบครองรถหรูและอะไรอีกสารพัด กลายเป็นความแตกแยกใหญ่ ฝ่ายคณะสงฆ์ต้องการแบบหนึ่ง แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งต้องการอีกแบบหนึ่ง เป็นความแตกแยกในเชิงความคิดและเชิงอุดมกาณ์ รวมทั้งเชิงการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันหลายอย่าง

พอประเด็นสมเด็จพระสังฆราชปิดไปก็มาเจอกรณีพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายที่เป็นปัญหามาโดยตลอด การปิดล้อมวัดด้วยมาตรา 44 นำไปสู่ความแตกแยกมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะกับกลุ่มคุณไพบูลย์ แต่มีกลุ่มอื่นๆที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกายด้วย กลุ่มที่มีอคติต่อวัดพระธรรมกายมีเยอะ ขณะเดียวกันกลุ่มที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายก็มีจำนวนมาก แต่อีกกลุ่มหนึ่งไม่ค่อยซีเรียสว่าวัดพระธรรมกายจะยึดถืออะไร

ถ้ามองในแง่นี้จะพบว่ามี 3 กลุ่มคือ คนที่คอยดูอย่างไตร่ตรองกลุ่มหนึ่ง คนเชียร์วัดพระธรรมกายกลุ่มหนึ่ง และคนที่เชียร์ให้จัดการกับวัดพระธรรมกายอีกกลุ่มหนึ่ง ที่แน่ๆคณะสงฆ์แม้เขาจะไม่พูด แต่โดยรวมถือว่าแตกจากรัฐ เพียงแต่ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ชอบรัฐบาลนี้ตั้งแต่กรณีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์แล้ว พูดง่ายๆว่าดองท่านไว้ 1 ปี ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาคณะสงฆ์โดยรวมแตกจากรัฐบาล แต่พยายามรักษาความนิ่งไว้ ซึ่งถือเป็นแบบแผนที่ใช้มาตลอดไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ไม่ขัดแย้งอย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการ โดยเฉพาะพุทธะอิสระ นพ.มโน เลาหวณิช คุณไพบูลย์ ที่พยายามเข้ามาจัดการกับสมเด็จรูปต่างๆในสายมหานิกาย ยิ่งทำให้คณะสงฆ์จำนวนมากไม่พอใจรัฐบาลที่ปล่อยให้คน 3 คนข้ามเขตเข้ามาระรานพระที่เขาเคารพนับถือ

ประเด็นที่มันเบี่ยงมากเกินไปในสายของพระที่ไม่พอใจคือ การตีความว่าเรื่องทั้งหลายทั้งมวลมาจากกรณีมุสลิมอะไรประมาณนี้ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย มันมาจากบรรดาพุทธที่ต้องการปฏิรูปพระพุทธศาสนาแบบที่จะเคลียร์ทุกอย่างให้เป็นอันเดียวไปหมด เด็ดขาด มันเลยเป็นปัญหา

พอมาถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประกาศยุติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่ทำให้เกิดความมัวหมองด้วยข้อกล่าวหาให้พระธัมมชโยขาดจากความเป็นพระให้ได้ หรือทำให้กลายเป็นผู้ร้ายของสังคม เป็นอาชญากรที่เลวร้าย แล้วยังพยายามทำให้วัดพระธรรมกายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ของศาสนา ของชาติ มันเลยโยงกันไปมา ซึ่งวันนี้พระธัมมชโยไม่มีสิทธิอำนาจใดๆ ไม่มีสถานะสำคัญในคณะสงฆ์

การละเมิดพุทธศาสนา

ยุค คสช. เป็นยุคที่พระพุทธศาสนาถูกละเมิดมากที่สุด ในประวัติศาสตร์แม้จะมีบ้างก็ไม่มีลักษณะใช้กองกำลังแบบนี้ เหมือนจะทำลายล้างกันอย่างชัดเจน จึงทำให้มีการต่อต้านมาก อาจจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ได้ถ้าเราไม่โยงกลับไปสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่มีการต่อต้านชาวต่างชาติที่นับถือศาสนาคริสต์และมีอิทธิพลต่อสมเด็จพระนารายณ์ ยุคนั้นมีการโค่นล้มพระนารายณ์และเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ แต่ก็จำกัดอยู่ในเมืองหลวง

ในวงการพุทธศาสนาถือว่ายุค คสช. เป็นยุคหนึ่งที่มีความขัดแย้งชัดเจน กว้างขวาง ลึกซึ้ง บทบาทของ คสช. กับพระพุทธศาสนานั้น ผมขอบอกว่าเขาก้าวเกินขอบเขตของรัฐ ก้าวมาสู่ขอบเขตของศาสนจักรจนไม่เหลือเผื่ออะไรทั้งสิ้น พยายามจะจัดการตามความเห็นของตัวเองโดยไม่ฟังใครทั้งสิ้น ไม่สนใจเสียงของพระสงฆ์ เป็นการก้าวข้ามเส้นแบ่งอำนาจของคณะสงฆ์กับรัฐบาลค่อนข้างมาก การบีบบังคับให้คณะสงฆ์สึกพระธัมมชโยก็ถือว่าเป็นความก้าวล้ำขอบเขตที่ถือว่ามีความก้าวร้าวสูงสมกับเป็นเผด็จการ

กระแสชาวพุทธต่อวัดพระธรรมกาย

การที่ดีเอสไอยุติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพราะไม่พบพระธัมมชโยนั้น ผมคิดว่าจริงๆมันไม่มีทางออก เขารู้ว่ากระแสของคณะสงฆ์เปลี่ยนไปมาก กระแสของสังคม กระแสของชาวพุทธเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เปลี่ยนไปเป็นความเห็นใจวัดพระธรรมกาย ขณะที่คณะสงฆ์ก็พยายามปกป้องวัดพระธรรมกาย แต่ไม่กล้าแสดงออก การแต่งตั้งตำรวจไปเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คณะสงฆ์ไม่พอใจลึกๆ เพราะเป็นการเอาอำนาจไปจ่อคอหอยเพื่อจะบีบบังคับคณะสงฆ์ให้ปฏิบัติตามในสิ่งที่รัฐบาลต้องการ กระแสต่อต้านอาจไม่ได้ออกทางสื่อ แต่ออกทางพระสงฆ์จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ที่เดินทางมาประท้วงด้วย ส่อให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง

ขณะที่ในโลกโซเชียลมีเดียก็ปรากฏว่าชาวพุทธจำนวนมากไม่เอาด้วย เพราะเขามองการล้อมวัดพระธรรมกายเป็นลักษณะการทำลายล้างพระพุทธศาสนา หลังจากวัดพระธรรมกายแล้วก็ประเมินว่าจะเป็นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เขาเชื่อว่า มจร. ต้องเจอแน่ๆ เช่น การปฏิรูปการศึกษาที่กำลังเสนอโดยคุณไพบูลย์ใน สนช. เป็นการรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ ขณะที่พระสงฆ์ก็ต่อต้านเรื่อยๆเช่นกัน แต่ไม่พูด จึงอาจไม่ค่อยมีพลังเท่าไร คิดว่า คสช. คงไม่หยุด คงมีการชงเรื่องนี้สึกพระธัมมชโยต่อ คนพวกนี้จริงๆต้องการจะเล่นงานสมเด็จรูปต่างๆอยู่แล้ว เรื่องนี้มันจึงโยงกัน พูดง่ายๆว่าเล่นไม่จบ

สมเด็จต่างๆจะถูกเล่นเรื่องอะไร

ประเด็นเรื่องปล่อยปละละเลยวัดพระธรรมกาย ไม่จัดการวัดพระธรรมกาย ซึ่งเขาต้องการจัดการสมเด็จวัดชนะสงครามกับสมเด็จวัดพิชัยญาติที่เป็นเจ้าคณะใหญ่ที่รับผิดชอบโดยตรง ก่อนจะถึงระดับมหาเถรสมาคม (มส.) ต้องจัดการสมเด็จ 2 รูปนี้ก่อนซึ่งเป็นสายมหานิกาย เป็นไปได้ที่เขาจะเสนอว่าไม่เหมาะที่จะเป็นสมเด็จต่อไป ให้เรียกคืนสมณศักดิ์เหมือนกรณีพระธัมมชโยก็ได้ เชื่อว่า คสช. เขาเอาแน่ๆ เหมือนที่เขาทำมาตลอดช่วงนี้ เล่นแบบเสียสติกับวัดพระธรรมกาย

ความจริงเรื่องการปฏิรูปศาสนามาจากคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่าพระสายมหานิกายใหญ่เกินไป มีอิทธิพลกว้างขวาง ค่อนข้างแข็งทั้งในแง่นักปราชญ์ที่เป็นนักวิชาการด้านพุทธศาสนา เช่น ท่านพุทธทาส สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ อะไรประมาณนี้ ทั้งด้านวิชาการสายต่างๆก็มีฐานมาจากสายมหานิกายจำนวนมาก วัดพระธรรมกายก็เป็นมหานิกาย ทำให้สายธรรมยุตดร็อปลงเยอะช่วงที่ผ่านมา ถูกค้ำจุนโดยสายวัดป่าอย่างเดียวตอนนี้ เช่นสายวัดป่าหลวงตามหาบัว ไม่มีสายอื่นที่พอจะโดดเด่นมาค้ำจุนให้ดูดีได้ ผมคิดว่าเป็นไปได้ที่ฝ่ายมีอำนาจจะมองว่าการปล่อยให้วัดพระธรรมกายเกิดขึ้นเป็นข้อบกพร่องสำคัญ

คสช. เสียหน้าหรือเสียเครดิตมั้ย

ผมคิดว่าไม่ได้เสียหน้าอะไรที่จับพระธัมมชโยไม่ได้ ผมว่าเป็นปัญหาเรื่องข่าวกรอง ข่าวกรองประเทศนี้ใช้ไม่ได้ ไม่มีประสิทธิภาพ สู้เครือข่ายของวัดพระธรรมกายไม่ได้ แต่วัดพระธรรมกายก็อาจจะเสียหายที่ว่าคุณหลอกตลอดเวลาว่าพระธัมมชโยอยู่ในวัด ทั้งที่จริงๆไปตั้งนานแล้ว คือเสียคะแนนทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามองอย่างลึกซึ้ง

อนาคตพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย

พระธัมมชโยเราไม่รู้ว่าท่านไปไหน ผมสงสัยว่าท่านออกไปอยู่ต่างประเทศแล้วแต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไร ผมรู้สึกว่าจะอยู่ทำไม ตำรวจ ทหารมาล้อมเยอะขนาดนั้น ไม่ว่ายังไงตราบใดที่ คสช. ยังอยู่ เขาก็ต้องตรวจค้นไม่หยุด ถ้าอยู่ก็ต้องเจอสักวัน ผมคิดว่าปลอดภัยสูงสุดคือการออกนอกประเทศไป ไปอยู่ที่ไหนก็ได้เงียบๆ วัดพระธรรมกายสาขาต่างๆพระธัมมชโยก็ยังมีอิทธิพล มีเครือข่าย มีสื่อที่สามารถส่งผ่านได้ เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการวัดพระธรรมกายโดยรวมตอนนี้ ตราบใดที่ สนช. หรือรัฐบาลไม่เสนอกฎหมายอะไรออกมาก็จัดการเรื่องทรัพย์สินให้ตกเป็นสมบัติส่วนกลางไม่ได้ หรือหาคนมาจัดการควบคุมวัดพระธรรมกายอย่างที่ตั้งใจ อย่างเอาตำรวจดีเอสไอมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม เขาคงหาวิธีจะควบคุมกิจกรรมของวัดไทยในส่วนต่างๆ แต่จะได้มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ สมมุติตั้งใครสักคนเข้าไปบริหารจัดการวัดพระธรรมกาย มันก็ไม่มีทางที่จะเหมือนเดิม เพราะอุดมการณ์ของวัดพระธรรมกายไม่ใช่อุดมการณ์แบบไม่มีรากฐาน มันมีอุดมการณ์รากฐานจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ วิชาธรรมกาย รวมทั้งการจัดรูปแบบองค์กรที่ชัดเจน เป็นระบบ ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าไปแตะได้ยกเว้นคนในสายวัดพระธรรมกายที่ได้รับความไว้ใจ สุดท้ายก็คงเป็นเหมือนเดิมคือ ยอมให้วัดพระธรรมกายอยู่เหมือนเดิม ส่วนจะอยู่แบบไหน หรือจะแยกออกไปเป็นนิกายอีกต่างหากก็อาจเป็นไปได้ ผมคิดว่าก็ต้องปล่อย แต่วัดพระธรรมกายในต่างประเทศไม่ขึ้นกับกฎหมายภายในประเทศเรา เขาอาจจะขึ้นกับ มส. แต่ มส. ไม่มีสิทธิอำนาจที่จะไปจัดการวัดสาขาเหล่านี้

ในส่วนของวัดพระธรรมกายในต่างประเทศ กิจกรรมต่างๆก็ยังดำเนินการไปได้ ยิ่งถ้าพระธัมมชโยอยู่ต่างประเทศ ศูนย์กลางก็จะแค่เคลื่อนย้ายจากประเทศไทยไปอยู่อีกประเทศหนึ่ง ไม่มีปัญหาในการบริหาร แต่ถ้าพระธัมมชโยยังอยู่ในประเทศก็ยากนิดหนึ่ง เพราะรัฐบาลสามารถออกกฎหมายบางอย่างจัดการได้ ไม่ว่าจะเป็นการตามตัว การสอดส่อง การที่ คสช. ทุ่มเทกำลังคนจำนวนมากผมคิดว่าจะไม่สำเร็จ เหมือนที่เคยทำกับสำนักสันติอโศก ในที่สุดสันติอโศกก็ยังอยู่ แต่ครั้งนั้นทหารไม่ได้เข้าไปจัดการแบบนี้ เพียงแต่คณะสงฆ์ต้องการให้สันติอโศกปรับเปลี่ยนวิธีครองจีวรและเรียกชื่อใหม่เป็นสมณะ วันนี้สันติอโศกก็ยังคงอยู่และแข็งแกร่งเหมือนเดิม ตราบเท่าที่หัวหน้ายังอยู่ แค่เปลี่ยนรูปแบบผิวเผินบางอย่างเท่านั้น

ทางออกของพุทธศาสนาไทย

มีอยู่หลายแบบ แต่ คสช. ต้องหยุด ต้องให้มีการเลือกตั้งตามแผนโรดแม็พที่ประกาศไว้ คสช. ต้องไม่พยายามเข้าไปจัดการโดยที่พระสงฆ์ไม่มีส่วนร่วม เพราะ คสช. ใช้อำนาจบังคับโดยที่ไม่ยอมให้คนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมมันไม่โอเคอยู่แล้วในแง่การปฏิบัติ เพราะเป็นการใช้อำนาจบังคับโดยที่เขาไม่ยินยอม รวมทั้ง สนช. ก็ต้องหยุดที่จะทำอะไรในลักษณะเข้าไปแทรกแซงโดยมีอคติบางอย่างอยู่แล้วอ้างเรื่องการปฏิรูป ไม่มีวันจะประสบความสำเร็จ คือแทนที่จะทำให้เกิดความสงบจะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น


You must be logged in to post a comment Login