วันพฤหัสที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

มุฮัมมัด ผู้ได้รับการสรรเสริญ

On September 13, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ก.ย  67)

ครั้งหนึ่ง นบีมุฮัมมัดเคยกล่าวว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม(อับราฮัม) และคนสุดท้ายที่มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา(เยซัส)”

เมื่อพระเจ้าบัญชาให้อับราฮัมสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์  อับราฮัมได้สนองคำบัญชาของพระเจ้า  เมื่อสร้างเสร็จแล้ว  เขาได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้บอกถึงวิธีการเคารพสักการะพระองค์และพระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนของเขา   เรารู้จากคัมภีร์ไบเบิลฉบับปฐมกาล 17:3 ว่าอับราฮัมแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าด้วยการก้มกราบ

อับราฮัมเป็นบิดาแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว  ดังนั้น เราจึงได้พบในคัมภีร์ไบเบิลอีกว่าลูกหลานของอับราฮัมทางฝั่งอิชอัค เช่น โมเสส  อาโรน  โยชัว  เยซัส ได้สืบทอดวิธีการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าโดยการก้มกราบตามแบบอับราฮัม

ด้วยความกังวลล่วงหน้าว่าลูกหลานของเขาในอนาคตจะหลงลืมและไม่เคารพสักการะพระเจ้าตามที่พระองค์ได้สอนไว้ อับราฮัมจึงได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้ในหมู่ลูกหลานของเขามี “ศาสนทูตคนหนึ่ง” มาอธิบายคำสอนของพระองค์และขัดเกลาชีวิตลูกหลานของเขาที่หลงทาง” (ดูกุรอาน 2:129)

ศาสนทูตในคำวิงวอนของอับราฮัมก็คือนบีมุฮัมมัดนั่นเอง คัมภีร์ไบเบิลพันธสัญญาเก่าได้บอกถึงลักษณะของศาสนทูตที่พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัมไว้ดังนี้

“เราจะโปรดให้บังเกิดผู้พยากรณ์อย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่ประชาชนทั้งหลาย  ต่อมาผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งผู้พยากรณ์กล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น” (พระราชบัญญัติ 18:18-19)

คำว่า “ในหมู่พี่น้องของเขา” หมายถึงลูกหลานของอิชอัคลูกชายคนที่สองของอับราฮัมซึ่งเกิดจากนางซาราห์ภรรยาคนแรกและลูกหลานของอิชมาเอลลูกชายคนแรกที่เกิดจากนางฮาการ์ภรรยาคนที่สอง  อิชมาเอลเป็นบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดผู้ที่จะกล่าวคำบัญชาของพระเจ้าให้ผู้คนได้รับรู้

หลังสมัยของอับราฮัม  ผู้คนได้หลงลืมการกราบสักการะพระเจ้าตามแบบที่อับราฮัมได้แสดงไว้    แม้อาณาจักรไบแซนตินจะรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาทางการแล้วก็ตาม แต่ผู้คนก็หลงลืมการกราบสักการะพระเจ้าตามแบบของอับราฮัมแม้เยซัสจะแสดงแบบอย่างให้เห็นแล้วก็ตาม  ในส่วนชาวอาหรับผู้เป็นลูกหลานของอิชมาเอลถึงกับนำรูปเจว็ดมาเคารพกราบไหว้แทนพระเจ้าองค์เดียว

ส่วนคำพูดของนบีมุฮัมมัดที่กล่าวว่า “คนสุดท้ายที่มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา(เยซัส)” นั้น  เราพบบันทึกของบาร์นาบัสที่ไม่ได้ถูกรวมไว้ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาใหม่ดังนี้ :

ครั้นปุโรหิตถามว่า “มาซีฮานั้นจะถูกเรียกอย่างไร และอะไรเป็นสัญญาณแสดงให้เราเห็นถึงการมาของเขา ?”  พระเยซูตอบว่า “นามของมาซีฮานั้นคือการสรรเสริญ พระเจ้าทรงให้นามแก่เขา ขณะที่พระองค์ทรงให้บังเกิดวิญญาณของเขาและสถิตอยู่ในสวนสวรรค์  พระเจ้าตรัสว่าจงคอยมุฮัมมัด เพื่อประโยชน์ของเจ้า จึงได้บังเกิดสวรรค์โลกและสิ่งที่ถูกบังเกิดอีกมากมาย  เราให้เจ้ากำเนิดเป็นของขวัญ ผู้ใดให้พรแก่เจ้า ผู้นั้นจะได้รับพร ผู้ใดสาปแช่งเจ้า ผู้นั้นก็จะถูกสาปแช่งด้วย เมื่อเราจะส่งเจ้าไปยังโลก เราจะส่งเจ้าไปในฐานะศาสนทูตเพื่อความรอดพ้น และโลกของเจ้าจะถูกนำไปสู่ทางอันเที่ยงตรง แม้นฟ้าและแผ่นดินจะสิ้นสลายแต่ความศรัทธาของเจ้าจะไม่สลาย”

“มุฮัมมัดเป็นนามที่พระองค์ทรงให้พร”

บรรดาพวกเขาต่างก็แซ่ซ้องร้องว่า “โอ้พระเจ้า โปรดประทานศาสนทูตของพระองค์ลงมาเถิด โอ้ มุฮัมมัด จงมาเร็วๆเถิดเพื่อนำโลกไปสู่หนทางแห่งความรอดพ้น”

ในคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่ง เราอ่านพบว่านบีอีซาหรือเยซัสได้กล่าวว่า :-

“ลูกหลานอิสราเอลเอ๋ย แท้จริง ฉันเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันคำสอนที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอต(โตราห์)ก่อนหน้าฉันและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งผู้จะมาภายหลังฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด” (กุรอาน 61:6)

ในคัมภีร์กุรอานมีข้อความอีกตอนหนึ่งกล่าวว่า :

“แท้จริง พระเจ้าและทูตสวรรค์ของพระองค์ยังอำนวยพรแก่นบีคนนี้   บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอพรให้แก่เขาได้รับความจำเริญและส่งความสันติแก่เขา” (กุรอาน 33:56)

ดังนั้น  ตราบจนทุกวันนี้  มุสลิมจะกล่าวคำอำนวยพรแก่นบีมุฮัมมัดและอับราฮัมทุกครั้งในการละหมาดประจำวัน


You must be logged in to post a comment Login