- อย่าลงโทษมนุษย์มากเลยPosted 3 hours ago
- สงสารสัตว์โลกที่ก่อสงครามPosted 1 day ago
- มนุสสเปโตPosted 2 days ago
- ผู้ใหญ่ไม่รังแกเด็กPosted 3 days ago
- ควรเลือกวิธีอื่นที่ดีกว่านี้Posted 6 days ago
- ทำสติให้มั่นคงPosted 1 week ago
- บทเรียนPosted 1 week ago
- หลบฉาก – เก็บแต้มPosted 1 week ago
- พี่ไทยทำได้Posted 1 week ago
- อยากเห็นทุเรียนก่อนตายPosted 1 week ago
มุฮัมมัด ผู้ได้รับการสรรเสริญ
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ก.ย 67)
ครั้งหนึ่ง นบีมุฮัมมัดเคยกล่าวว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม(อับราฮัม) และคนสุดท้ายที่มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา(เยซัส)”
เมื่อพระเจ้าบัญชาให้อับราฮัมสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์ อับราฮัมได้สนองคำบัญชาของพระเจ้า เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เขาได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้บอกถึงวิธีการเคารพสักการะพระองค์และพระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนของเขา เรารู้จากคัมภีร์ไบเบิลฉบับปฐมกาล 17:3 ว่าอับราฮัมแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าด้วยการก้มกราบ
อับราฮัมเป็นบิดาแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น เราจึงได้พบในคัมภีร์ไบเบิลอีกว่าลูกหลานของอับราฮัมทางฝั่งอิชอัค เช่น โมเสส อาโรน โยชัว เยซัส ได้สืบทอดวิธีการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าโดยการก้มกราบตามแบบอับราฮัม
ด้วยความกังวลล่วงหน้าว่าลูกหลานของเขาในอนาคตจะหลงลืมและไม่เคารพสักการะพระเจ้าตามที่พระองค์ได้สอนไว้ อับราฮัมจึงได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้ในหมู่ลูกหลานของเขามี “ศาสนทูตคนหนึ่ง” มาอธิบายคำสอนของพระองค์และขัดเกลาชีวิตลูกหลานของเขาที่หลงทาง” (ดูกุรอาน 2:129)
ศาสนทูตในคำวิงวอนของอับราฮัมก็คือนบีมุฮัมมัดนั่นเอง คัมภีร์ไบเบิลพันธสัญญาเก่าได้บอกถึงลักษณะของศาสนทูตที่พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัมไว้ดังนี้
“เราจะโปรดให้บังเกิดผู้พยากรณ์อย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่ประชาชนทั้งหลาย ต่อมาผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งผู้พยากรณ์กล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น” (พระราชบัญญัติ 18:18-19)
คำว่า “ในหมู่พี่น้องของเขา” หมายถึงลูกหลานของอิชอัคลูกชายคนที่สองของอับราฮัมซึ่งเกิดจากนางซาราห์ภรรยาคนแรกและลูกหลานของอิชมาเอลลูกชายคนแรกที่เกิดจากนางฮาการ์ภรรยาคนที่สอง อิชมาเอลเป็นบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดผู้ที่จะกล่าวคำบัญชาของพระเจ้าให้ผู้คนได้รับรู้
หลังสมัยของอับราฮัม ผู้คนได้หลงลืมการกราบสักการะพระเจ้าตามแบบที่อับราฮัมได้แสดงไว้ แม้อาณาจักรไบแซนตินจะรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาทางการแล้วก็ตาม แต่ผู้คนก็หลงลืมการกราบสักการะพระเจ้าตามแบบของอับราฮัมแม้เยซัสจะแสดงแบบอย่างให้เห็นแล้วก็ตาม ในส่วนชาวอาหรับผู้เป็นลูกหลานของอิชมาเอลถึงกับนำรูปเจว็ดมาเคารพกราบไหว้แทนพระเจ้าองค์เดียว
ส่วนคำพูดของนบีมุฮัมมัดที่กล่าวว่า “คนสุดท้ายที่มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา(เยซัส)” นั้น เราพบบันทึกของบาร์นาบัสที่ไม่ได้ถูกรวมไว้ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาใหม่ดังนี้ :
ครั้นปุโรหิตถามว่า “มาซีฮานั้นจะถูกเรียกอย่างไร และอะไรเป็นสัญญาณแสดงให้เราเห็นถึงการมาของเขา ?” พระเยซูตอบว่า “นามของมาซีฮานั้นคือการสรรเสริญ พระเจ้าทรงให้นามแก่เขา ขณะที่พระองค์ทรงให้บังเกิดวิญญาณของเขาและสถิตอยู่ในสวนสวรรค์ พระเจ้าตรัสว่าจงคอยมุฮัมมัด เพื่อประโยชน์ของเจ้า จึงได้บังเกิดสวรรค์โลกและสิ่งที่ถูกบังเกิดอีกมากมาย เราให้เจ้ากำเนิดเป็นของขวัญ ผู้ใดให้พรแก่เจ้า ผู้นั้นจะได้รับพร ผู้ใดสาปแช่งเจ้า ผู้นั้นก็จะถูกสาปแช่งด้วย เมื่อเราจะส่งเจ้าไปยังโลก เราจะส่งเจ้าไปในฐานะศาสนทูตเพื่อความรอดพ้น และโลกของเจ้าจะถูกนำไปสู่ทางอันเที่ยงตรง แม้นฟ้าและแผ่นดินจะสิ้นสลายแต่ความศรัทธาของเจ้าจะไม่สลาย”
“มุฮัมมัดเป็นนามที่พระองค์ทรงให้พร”
บรรดาพวกเขาต่างก็แซ่ซ้องร้องว่า “โอ้พระเจ้า โปรดประทานศาสนทูตของพระองค์ลงมาเถิด โอ้ มุฮัมมัด จงมาเร็วๆเถิดเพื่อนำโลกไปสู่หนทางแห่งความรอดพ้น”
ในคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่ง เราอ่านพบว่านบีอีซาหรือเยซัสได้กล่าวว่า :-
“ลูกหลานอิสราเอลเอ๋ย แท้จริง ฉันเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันคำสอนที่มีอยู่ในคัมภีร์เตารอต(โตราห์)ก่อนหน้าฉันและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งผู้จะมาภายหลังฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด” (กุรอาน 61:6)
ในคัมภีร์กุรอานมีข้อความอีกตอนหนึ่งกล่าวว่า :
“แท้จริง พระเจ้าและทูตสวรรค์ของพระองค์ยังอำนวยพรแก่นบีคนนี้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอพรให้แก่เขาได้รับความจำเริญและส่งความสันติแก่เขา” (กุรอาน 33:56)
ดังนั้น ตราบจนทุกวันนี้ มุสลิมจะกล่าวคำอำนวยพรแก่นบีมุฮัมมัดและอับราฮัมทุกครั้งในการละหมาดประจำวัน
You must be logged in to post a comment Login