วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

สงครามข้ามศตวรรษ

On February 16, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  16 ก.พ.  67)

เมืองเฮบรอนในประเทศปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครองมีสถานที่แห่งหนึ่งชื่อ “อัลฮารอม อัลอิบราฮีมีย์”  สถานที่แห่งนี้ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของครอบครัวอับราฮัมซึ่งประกอบด้วยนางซาราห์ผู้เป็นภรรยา  อิสฮากลูกชายคนที่สองของอับราฮัมและภรรยา และหลุมฝังศพของยาโกบลูกชายของอิสฮาก

ผมมีโอกาสได้ไปยังสถานที่แห่งนี้และมีเจตนาที่จะไปแวะเยือนหลุมศพของนบีทั้งสามโดยเฉพาะหลุมฝังศพของอับราฮัมผู้ได้ฉายาว่า “มิตรสนิทของพระเจ้า” (เคาะลีลุลลอฮฺ)  แต่น่าเสียดายที่ผมและคณะไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมบริเวณหลุมฝังศพของยาโกบได้เพราะเจ้าหน้าที่รัฐอิสราเอลกั้นรั้วทึบไว้มิให้ใครเข้าไปนอกจากชาวยิวหรือชาวอิสราเอล  เพราะชาวยิวที่นั่นถือว่ายาโกบเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาเท่านั้น

บ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์รอบอัลฮารอม อัลอิบราฮีย์มีไร้ผู้อยู่อาศัยเนื่องจากถูกทหารขับไล่เพราะกลัวว่าชาวปาเลสไตน์จะทำร้ายชาวยิวที่จะมาเยี่ยมหลุมฝังศพของยาโกบ

ผมสงสัยว่าทำไมชาวยิวจึงให้ความสำคัญแก่ยาโกบถึงขนาดนั้นและฉายา “อิสราเอล” ของยาโกบได้มาจากไหน  จึงเข้าไปค้นในคัมภีร์เบิลและพบข้อความต่อไปนี้

“ยาโกบส่งครอบครัวข้ามลำธารไปและส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย  ยาโกบอยู่ที่นั่นแต่เพียงผู้เดียว  มีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำกับเขาจนถึงเวลารุ่งสาง  เมื่อบุรุษผู้นั้นเห็นว่าจะเอาชนะยาโกบไม่ได้…บุรุษผู้นั้นจึงว่า ‘ปล่อยข้าไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว’  แต่ยาโกบตอบว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไปนอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า’  บุรุษผู้นั้นจึงถามยาโกบว่า ‘เจ้าชื่ออะไร?’ ยาโกบตอบว่า ‘ข้าพเจ้าชื่อยาโกบ’  บุรุษผู้นั้นจึงว่า ‘เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโกบต่อไป แต่จะเรียกว่าอิสราเอล เพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์และได้ชัยชนะ’” (ปฐมกาล 32:23-25)

ในฉบับแปลภาษาอังกฤษกล่าวว่าผู้ที่ปล้ำกับยาโกบคือพระเจ้าที่แปลงร่างเป็นทูตสวรรค์

โมเสสช่วยลูกหลานอิสราเอลอพยพออกจากอียิปต์ข้ามทะเลมายังคาบสมุทรซีนาย  หลังสมัยโมเสส ลูกหลานอิสราเอลถูกชนเผ่าที่อาศัยอยู่เดิมขับไล่ไม่มีถิ่นฐานบ้านช่องของตัวเองเป็นเวลานาน ปาเลสไตน์เป็นชนเผ่าหนึ่งที่ขับไล่พวกลูกหลานอิสราเอล

ในเวลานั้น  ชนชาติปาเลสไตน์เป็นชนชาติที่กราบไหว้รูปเคารพ  ส่วนพวกลูกหลานอิสราเอลศรัทธาในพระเจ้าและปฏิบัติตามคำสอนของคัมภีร์โตราห์ที่โมเสสได้รับมาจากพระเจ้า  ในการเผชิญหน้ากันครั้งหนึ่ง  เดวิดเด็กหนุ่มผู้เป็นลูกหลานอิสราเอลได้สังหารโกไลแอธแม่ทัพร่างยักษ์ของชาวปาเลสไตน์และทำให้พวกลูกหลานอิสราเอลได้รับชัยชนะ  หลังจากนั้น เดวิดก็ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์และสร้างอาณาจักรอิสราเอลขึ้นมา  ภายใต้กษัตริย์เดวิดนี้เองที่พวกลูกหลานอิสราเอลได้อยู่กันอย่างสงบ

หลังสมัยกษัตริย์โซโลมอนบุตรของกษัตริย์เดวิด  อาณาจักรอิสราเอลถูกทำลาย  พวกลูกหลานอิสราเอลต้องตกเป็นทาสของชนชาติอื่นอีกครั้ง  แต่ต่อมา  กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียได้ปล่อยให้พวกลูกหลานอิสราเอลกลับไปยังเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง

หลังสมัยเยซัสไครสต์ ประมาณ ค.ศ.70  กรุงเยรูซาเล็มถูกกองทัพของอาณาจักรไบแซนตินบุกมาโจมตีและทำลาย  พวกลูกหลานอิสราเอลจึงหลบหนีกระจัดกระจายไปหลบภัยอยู่ในประเทศต่างๆทั้งในยุโรป  เอเชียและในคาบสมุทรอาหรับก่อนสมัยนบีมุฮัมมัด

หลังสมัยนบีมุฮัมมัดสิบกว่าปี  แผ่นดินอัชชามหัวเมืองสำคัญของอาณาจักรไบแซนตินซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศซีเรีย ปาเลสไตน์ จอร์แดนและเลบานอนในปัจจุบันถูกมุสลิมยึดได้และผู้คนที่นั่นได้หันมารับอิสลามรวมทั้งชาวปาเลสไตน์ด้วย

นอกจากปาเลสไตน์จะเป็นแผ่นดินที่ผู้คนเป็นมุสลิมมานับพันกว่าปีแล้ว  แผ่นดินปาเลสไตน์ยังมีสถานที่สำคัญที่เป็นสมบัติของมุสลิมทั่วโลกตั้งอยู่ด้วย นั่นคือ มัสยิดอัลอักซอซึ่งถูกถือว่าเป็นมัสยิดที่มีความสำคัญเป็นอันดับสาม และมัสยิดแห่งนี้ รัฐบาลไซออนิสต์อิสราเอลต้องการที่จะทำลายเพื่อสร้างวิหารที่ถูกกองทัพไบแซนตินทำลายไปเมื่อสองพันปีกว่าปีก่อนขึ้นมาใหม่


You must be logged in to post a comment Login