วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

กฎธรรมชาติและกฎหมายของพระเจ้า

On August 11, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  10 ส.ค. 66 )

ดาวนับแสนล้านดวงในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลมิได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ แต่พระเจ้าเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาอย่างมีวัตถุประสงค์  กลางคืน กลางวัน ฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเพื่อรับใช้มนุษย์บนโลกใบนี้เป็นหลักฐานเพียงพอแล้วที่ยืนยันถึงความจริงดังกล่าว

จักรวาลดำรงอยู่อย่างสงบเพราะดาวแต่ละดวงยอมอยู่ในกฎที่พระเจ้าสร้างไว้ควบคุมมัน  ไม่ต่างไปจากอวัยวะในร่างกายเราที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาและวางกฎทางชีวภาพไว้ควบคุมมัน  ถ้าอวัยวะในร่างกายทุกชิ้นปฏิบัติตามกฎ  ร่างกายของมนุษย์ก็เป็นปรกติสุข  ถ้าอวัยวะสำคัญไม่ปฏิบัติตามกฎเมื่อใด  ชีวิตมนุษย์ก็มีปัญหาเมื่อนั้น

เมื่อพระเจ้าสร้างกฎขึ้นมาไว้ควบคุมทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง  มีหรือที่พระเจ้าจะไม่สร้างกฎที่เรียกว่ากฎหมายไว้ควบคุมมนุษย์?    กฎหมายเก่าแก่ที่สุดและยังมีร่องรอยหลักฐานให้เราเห็นอยู่ก็คือโตราห์ซึ่งเป็นกฎหมายที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสเพื่อนำไปใช้กับพวกลูกหลานอิสราเอล

กฎทุกกฎย่อมต้องมีอธิปไตยหรืออำนาจสูงสุดที่ผู้อยู่ใต้กฎต้องเชื่อฟัง กฎหมายสำหรับมนุษย์ก็เช่นกัน  บทบัญญัติสิบประการจากกฎหมายโตราห์ของโมเสสจึงเริ่มต้นด้วยการประกาศถึงอธิปไตยของพระเจ้าและการเชื่อฟังดังนี้

  1. จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าองค์เดียวของท่าน
  2. จงอย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ
  3. จงอย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
  4. จงนับถือบิดามารดา
  5. อย่าฆ่าคน
  6. อย่าผิดประเวณี
  7. อย่าลักขโมย
  8. อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
  9. อย่าปลงใจผิดประเวณี
  10. อย่ามักได้ทรัพย์สินของผู้อื่น

โตราห์จึงมิใช่คัมภีร์ที่มีไว้อ่านในพิธีกรรมทางศาสนา  แต่มันเป็นกฎหมายที่มีคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามเหมือนกฎหมายอาญา อีกทั้งยังมีบทลงโทษด้วย  ความแตกต่างระหว่างกฎหมายของพระเจ้ากับกฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้นก็คืออธิปไตยในกฎหมายของพระเจ้าเป็นของพระเจ้า  ส่วนกฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น อธิปไตยอยู่ที่รัฐบาลหรือประมุขของประเทศและไม่ต้องการให้พระเจ้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์

เราจะเห็นได้ว่ากฎหมายสมัยใหม่ก็มีข้อห้ามและมีบทลงโทษการฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า เพราะการทำความผิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามัญสำนึกที่พระเจ้าสร้างไว้ในตัวมนุษย์ต่างยอมรับว่าเป็นสิ่งไม่ดี

พระเจ้าเป็นผู้ออกกฎหมาย  แต่พระเจ้าให้มนุษย์เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้สังคมจะได้เกิดความสงบและปลอดภัย  ดังนั้น  ผู้ที่บังคับใช้กฎหมายก็คือผู้รู้กฎหมายในหมู่มนุษย์ด้วยกันและซื่อสัตย์สุจริต

หลังสมัยโมเสส  สังคมลูกหลานอิสราเอลที่ได้รับกฎหมายโตราห์ต้องระหกระเหเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย  ผู้รู้กฎหมายที่ซื่อสัตย์ล้มหายตายจากไป  การทุจริตในหมู่ผู้คนจึงเริ่มแผ่ขยายมากขึ้นและผู้ร่ำรวยกลายเป็นผู้มีอำนาจที่ผู้คนเชื่อฟัง  พระเจ้าจึงได้ประทานกฎหมายมาให้กษัตริย์เดวิดใช้ปกครองอาณาจักรอิสราเอลอีกครั้ง

หลังสมัยโซโลมอน  อาณาจักรอิสราเอลล่มสลาย  กฎหมายเดิมที่มีอยู่ได้ถูกทำลายหรือสูญหายหรือถูกตัดเสริมเติมแต่งจนผิดไปจากเดิม  พระเจ้าจึงส่งเยซัสไครสต์มา “เพื่อยืนยันธรรมบัญญัติเดิม” หมายถึงยืนยันกฎหมายของโมเสส  แต่เพราะการยืนยันธรรมบัญญัติเดิมของท่านได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวยิวผู้มีอิทธิพลทางการเงิน  คนกลุ่มนี้จึงวางแผนกำจัดท่าน

หลังสมัยของเยซัสไครสต์  ธรรมบัญญัติ(กฎหมาย)ของพระเจ้าได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข  แต่ถึงกระนั้นก็ตาม  ธรรมบัญญัติที่ถูกแก้ไขนี้ได้เป็นที่ยอมรับโดยกษัตริย์แห่งอาณาจักรโรมันไบแซนตินประมาณ ค.ศ.380

เมื่อคริสตจักรผู้รักษากฎหมายเกิดความเสื่อม  พระเจ้าจึงได้ประทานคัมภีร์กุรอานเป็นกฎหมายสุดท้ายแก่นบีมุฮัมมัดและเป็นกฎหมายที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนถึงวันสิ้นโลก


You must be logged in to post a comment Login