วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

สคอ.เตือนรักลูกให้ถูกทาง….ยิ่งเร็ว ยิ่งสูญเสีย

On October 6, 2022

จากกรณีอุบัติเหตุคดีเยาวชนวัย 16 ปี  ขับรถหรูฝ่าไฟจราจรชนบัณฑิตหนุ่มเสียชีวิต  บริเวณสี่แยกไฟแดง ถนนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 30 กันยายน2565 ที่ผ่านมา ได้สร้างกระแสดราม่าและมีการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อต่างๆมากมาย ณ วันนี้ความโศกเศร้าของครอบครัวผู้สูญเสียยังไม่จางหาย ยังทวงถามความยุติธรรมให้กับลูกชายอยู่  เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยยังต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวคิด ทัศนคติ และร่วมหาทางออกร่วมกันเพื่อป้องกันความสูญเสียไม่ให้เกิดซ้ำรอย  

นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)  กล่าวว่า การที่เด็กอายุ 15 ปีเกือบ 16 ปี  เป็นถึงนักกีฬาทีมชาติ หมายความว่า เป็นเด็กที่มีศักยภาพ  มีฝีมือ มีเป้าหมายที่ชัดเจน กลับตกเป็นทาสของทุนนิยม การที่พ่อแม่มีลูกเก่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าหลงใหลได้ปลื้มกับความสำเร็จของลูก และตอบสนองด้วยรถราคาแพง ในขณะที่ลูกยังไม่พร้อมทั้งวุฒิภาวะและทางกฎหมาย  แม้ลูกตัวเองจะเก่งด้านอื่น แต่เรื่องบนถนนไม่มีใครเก่งเกินกว่าอุบัติเหตุ  ต้องรู้ว่าถนนประเทศไทยไม่ใช่สถานที่ของคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง เพราะคนที่คิดว่าเก่งตายไปกันหมดแล้วและยิ่งเคสนี้อายุยังไม่ถึงเกณฑ์แล้วมาขับรถ ไม่มีใบขับขี่ ไปชนคนอื่นตาย ยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย  ผู้ที่เสียชีวิตจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยม เป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อเสียชีวิตลงเปรียบเสมือนครอบครัวพังทลาย  หากมองอีกมุมคืองการเรียนจบ มีงานทำไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าจะรอดจากอุบัติเหตุทางถนน เพราะว่าการเรียนหนังสือเก่ง ได้รับการยอมรับในแวดวงการศึกษา ไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตรอด   ดังนั้นการมีชีวิตรอด จะต้องระวัดระวังหลายด้าน เช่น พฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง และคนอื่น โดยเคสนี้ในมุมมองตนเองเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมยังไม่สามารถทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษอย่างจริงจัง ทำเป็นตัวอย่างว่ามีการลงโทษที่ทำให้คนในสังคมเกิดความเกรงกลัวต่อการทำผิดได้ ปรากฎการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำๆในสังคมไทย

นายพรหมมินทร์   กล่าวว่า การใช้ความเร็ว เป็นพฤติกรรมการขับขี่ที่คนไทยกำลังติดกับดักความสะดวกสบาย  ความเร็ว ความแรงของเครื่องยนต์  รถบิ๊กไบท์ รถแต่ง รถซิ่ง เกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คือ กลุ่มคนที่เสพติดการใช้ความเร็ว เช่น กรณีนี้รถยนต์ขับด้วยความเร็วสูงฝ่าไฟแดงมาชนรถจักรยานยนต์ทำให้เสียชีวิตแม้จะใส่หมวกกันน๊อกแล้วก็ตามยังไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้เพราะความรุนแรงจากการใช้ความเร็วที่สูง ถนนเมืองไทยเต็มไปด้วยคนที่ทำผิดกฎหมาย คนที่มีพฤติกรรมขับขี่เร็ว จึงต้องตระหนักเสมอว่าทุกคนมีโอกาสได้รับความเดือดร้อน ได้รับความสูญเสียจากความผิดพลาดของผู้อื่น   การขับรถเร็วเกิน 80กม./ชม. โอกาสรอดครึ่งต่อครึ่ง หากขับเร็วเกิน 120 กม./ชม.โอกาสรอดเหลือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์  ความรุนแรงแปรผันตามความเร็วที่ใช้  ยิ่งขับเร็ว ยิ่งรุนแรง ยิ่งเสี่ยงตาย หากชอบความเร็วควรไปใช้ในสนามแข่งที่ได้มาตรฐานไม่ใช่มาใช้บนถนนทั่วไป ดังนั้น การใช้ความเร็วเหมาะสมจะช่วยลดความสูญเสียลงได้ ลดเร็วเท่ากับลดความเสี่ยง เมื่ออยู่บนถนนทุกคนต้องตระหนักเรื่องจิตสำนึกความปลอดภัยอยู่ตลอดทุกช่วงของชีวิต

นายพรหมมินทร์ กล่าวต่อว่าบทลงโทษตามกฎหมายปัจจุบันในมุมมองเห็นว่า การรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิด ทำได้ยากและบางกรณีอาจไม่ครบถ้วน เมื่อตัดสินก็มักมีตัวแปลเพิ่มเติม เช่นหลักฐานพยานไม่ครบ เอาผิดได้ยาก การที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ เป็นเยาวชน ไม่ได้มีเจตนา  เป็นเหตุสุดวิสัย ความผิดครั้งแรก หรือไม่ต้องคดีอาญาฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนทำให้ความผิดและบทลงโทษเบาลง ฉะนั้นกฎหมายยังไม่ส่งผลให้คนทั่วไปตระหนัก เกรงกลัวการทำผิดหรือระมัดระวังมากขึ้น  ท้ายนี้อยากเตือนไปยังลูกหลานที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่แล้วขับรถบนถนน ผู้ที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเตรียมใจไว้  ว่าต้องพบเจอกับความเสี่ยง  ความสูญเสีย ควรรีบหามาตรการป้องกันก่อนสายเกินไป 


You must be logged in to post a comment Login