วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

ปธน.วอชิงตันเกือบได้เป็นกษัตริย์สหรัฐอเมริกา

On September 13, 2022

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย              

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ก.ย.  65)

ในโอกาสที่ผมได้ไปเยือนกรุงวอชิงตันอีกครั้งในช่วงวันที่ 9-11 กันยายน 2565 ผมจึงขอเขียนถึงประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาคือนาย “จอร์จ วอชิงตัน”

หลายคนคงทราบว่า “จอร์จ วอชิงตัน” คือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 1 ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังสถาปนากรุงเทพมหานคร 7 ปี แต่บางคนอาจไม่ทราบว่าท่านเคยเกือบได้เป็นกษัตริย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา  เกือบมีราชวงศ์วอชิงตันมาเจริญสัมพันธไมตรีกับราชวงศ์จักรีแล้ว แต่ท่านไม่รับ

วอชิงตันเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2275 (ในสมัยกรุงศรีอยุธยาของไทย) และเสียชีวิตตอนอายุ 67 ปี เป็นคนรูปร่างสูงอย่างเห็นได้ชัด เขาสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว หรือ 188 เซนติเมตร ไหล่แคบ อาจมีลักษณะลำตัวส่วนบนกลมหนา สะโพกกว้าง เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่นของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น ระหว่าง ค.ศ. 1775 ถึง 1799 เขานำสหรัฐจนได้รับชัยชนะเหนืออังกฤษในสงครามปฏิวัติอเมริกันในช่วงปี 2318 – 2326 และรับผิดชอบการร่างรัฐธรรมนูญในปี 2330 เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2332-2340

หลังจากรบชนะอังกฤษแล้ว ในปี 2326 (หลังตั้งกรุงเทพมหานคร 1 ปี) กองทหารของอาณานิคมสหรัฐอเมริกาซึ่งกลายเป็นประเทศใหม่แล้ว มีความคิดที่จะขอให้วอชิงตันเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของสหรัฐอเมริกา เพราะในยุคสมัยนั้นประเทศต่างๆ ก็มีประมุขเป็นกษัตริย์เป็นส่วนใหญ่  แต่วอชิงตันไม่มีความปรารถนาเช่นนั้น หาไม่คงมี “ราชวงศ์วอชิงตัน” ในสหรัฐอเมริกา  ท่านมองว่าระบบสาธารณรัฐที่เลือกผู้แทนมาบริหารประเทศ มีประมุขเป็นประธานาธิบดี น่าจะเหมาะสมกว่าการมีผู้นำเพียงบุคคลเดียว

มีเรื่องเล่ากันว่าสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษตรัสถามวอชิงตันว่าจะทำอะไรต่อไป และทรงได้รับข่าวลือมาว่าวอชิงตันจะกลับไปยังบ้านไร่ของตนเอง ทำให้มีพระราชกระแสในทันทีว่า “ถ้าเขาทำเช่นนั้น เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ซึ่งวอชิงตันก็ได้กลับไปใช้ชีวิตสมถะอย่างชาวไร่จริง ๆ ที่เมานต์เวอร์นอน  ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นวอชิงตันมีฐานะทางประวัติศาสตร์เด่นล้ำเหนือกษัตริย์สุดยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดินิยมอังกฤษเสียอีก

ในช่วงวัยหนุ่ม วอชิงตันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สำรวจที่ดิน เขาได้ความรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาอย่างประเมินค่ามิได้ พี่ชายคนโตของเขาแต่งงานกับครอบครัวแฟร์แฟ็กซ์ และได้รับวอชิงตันไปอุปถัมป์เลี้ยงดูโดย โธมัส แฟร์แฟ็กซ์, ลอร์ด แฟร์แฟ็กซ์ที่ 6 แห่งคาเมรอน ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2292 ขณะนั้นวอชิงตันอายุได้ 17 ปีเขาได้รับแต่งตั้งให้ทำงานสาธารณะเป็นครั้งแรกโดยเป็นผู้สำรวจรังวัดที่ดิน ในเขตคัลเปเปอร์เคาท์ตี้ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ในชายแดนของรัฐอาณานิคม

วอชิงตันเริ่มทำอาชีพเจ้าหน้าที่สำรวจที่ดิน ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชี้ว่าเขามีทาสในครอบครอง 20 คนหรืออาจจะมากกว่านั้น พ.ศ.2291 เขาได้รับเชิญให้ไปช่วยรังวัดที่ดินของลอ์ด แฟร์แฟ็กซ์ อยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาบลูริดจ์  วอชิงตันยังเป็นนักเก็งกำไรในที่ดินอีกด้วย การที่วอชิงตันได้แต่งงานกับแม่หม้ายที่มีฐานะ ทำให้เขามีสมบัติและสถานะทางสังคมที่สูงยิ่งขึ้น เขาได้ที่ดินหนึ่งในสามของ 18,000 เอเคอร์ (73 ตารางกิโลเมตร) และได้รับส่วนที่เหลือในนามของลูกๆ ของมาร์ธา เขาได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมโดยเงินส่วนตัวในที่ซึ่งปัจจุบันคือ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย อันเป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ในการรบในสงครามกับฝรั่งเศสและชาวอินเดียแดง ในปี 2318 เขาได้มีที่ดินรวม 6,500 เอเคอร์ (26 ตารางกิโลเมตร) และมีทาสกว่า 100 คน ทำให้เขาเป็นวีรบุรุษจากสมรภูมิและเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่

สภาคองเกรสที่ 1 ได้ออกเสียงอนุมัติเงินเดือนของวอชิงตันที่ปีละ 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งจัดว่ามีมูลค่ามากในขณะนั้น แต่เนื่องด้วยวอชิงตันได้เป็นผู้มีฐานะอยู่แล้ว จึงปฏิเสธที่จะรับเงินเดือนเพราะเขาเห็นว่าการเข้ารับตำแหน่งเป็นการทำงานรับใช้ประเทศอย่างไม่เห็นแก่ตน แต่ด้วยการหว่านล้อมของสภาฯ เขาจึงได้ยอมรับเงินเดือนนั้น แต่ภายหลังจากที่ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคม ปี 2340 วอชิงตันกลับไปยังเมานต์เวอร์นอน เขาให้เวลากับการทำการเกษตร

แม้วอชิงตันจะนำพาประเทศไปสู่ระบอบสาธารณรัฐที่สร้างความเท่าเทียมกันของประชาชน และไม่ยอมรับระบอบกษัตริย์ แต่ก็ยังไม่มีการเลิกทาส  วอชิงตันและคณะในสมัยนั้นเห็นความเท่าเทียมกันของประชาชน (ผิวขาว) แต่ยังมีทาสผิวดำอยู่  ที่บ้านของวอชิงตันก็มีทาส ท่านก็ยังเคยซื้อทาสในสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2332  แต่ท่านก็มีความเห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ไม่สมควร  อย่างไรก็ตามระบบทาสในสหรัฐอเมริกาเลิกไปในสมัยประธานาธิบดีลินคอล์น ในปี 2408 หรืออีก 66 ปีหลังวอชิงตันเสียชีวิต

การสถาปนาระบอบสาธารณรัฐและยกเลิกระบอบกษัตริย์ในสหรัฐอเมริกา จึงเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการปกครองในยุคสมัยใหม่โดยประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน และทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอมตะ


You must be logged in to post a comment Login