วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

คดีไม่มีปิด

On June 10, 2021

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 10 มิ.ย. 64)

ช่วงนี้เห็นจะไม่มีอะไรเป็นข่าวใหญ่เท่ากับข่าวผศ.ขนิษฐ์ ตันฑวิรัตน์ อายุ 84 ปี อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงโดยใช้กลอุบาย กับ น.ส.วีณา มณีใส อายุ 55 ปี ประกอบธุรกิจเครื่องเพชร หลังเข้ามาตีสนิทและถอนเงินออกไปกว่า 21.8 ล้านบาท เหลือติดบัญชีเพียง 70,000 บาท ขณะที่น.ส.วีณา มณีใส อายุ 55 ปี ได้เข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อหา ฉ้อโกงโดยใช้กลอุบาย เบื้องต้นให้การปฏิเสธ

น.ส.วีณา บอกว่า รู้สึกเป็นห่วงคุณอา (ผศ.ขนิษฐ์) และสิ่งที่คุณอาพูดมาทำให้รู้สึกเศร้ามาก เงินที่ได้รับมาเป็นความกตัญญู จึงได้มาด้วยความเสน่หา ส่วนเรื่องจำนวนเงินไม่ขอพูด เนื่องจากยังอยู่ในคดีความ ทั้งนี้ทันทีที่ทราบข่าวรู้สึกเหมือนถูกระเบิดลง สิ่งที่คิดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นความรู้สึกคุณอาที่ดูแลกันมากว่า 40 ปี ไม่ใช่แค่ระยะ 2-3 เดือน มีบางครั้งที่ต้องห่างกันเพราะตนต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จึงอยากฝากถึงคนที่ดูแลคุณอาตอนนี้ว่าให้ดูแลให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องของคดีขอให้เป็นไปตามกฎหมาย หากผิดจริงพร้อมน้อมรับความผิด แต่ขอพื้นที่ให้แสดงความบริสุทธิ์ด้วย

ทางด้าน นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของผศ.ขนิษฐ์ ตัณฑวิรัตน์ ผู้เสียหาย บอกว่า ได้แจ้งความเพิ่มเติมในข้อหา รับของโจร บริษัท ออร์เจม ครีเอชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัท 5 คน โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า เงินถูกเบิกถอนจากบัญชี ผศ.ขนิษฐ์ จำนวน 4 ครั้ง เพื่อเข้าบัญชีส่วนตัวของ น.ส.วีณา 3 บัญชี และบัญชีบริษัท 1 บัญชี จากนั้นถูกกระจายไปตามบัญชีอื่นอีก 9 บัญชี ซึ่งเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับ น.ส.วีณา โดยเจ้าหน้าที่สามารถอายัดไว้ได้ 1 บัญชี มีเงิน 3 ล้านบาท ส่วนบัญชีอื่นนั้นตามไม่ได้ โดยยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องเรียกว่า อดีตอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาโดนคนใกล้ชิดสนิทหลอกหรือไม่หลอก ฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ได้หลอก คุณยายให้ด้วยความเสน่หา แต่ฝ่ายคุณยายบอกไม่ได้ให้ด้วยความเสน่หา เพราะถูกคนลวง คนหลอก คนล่อ ก็เลยขนเงินออกไปได้ 4-5 ครั้ง รวมเบ็ดเสร็จ 21 ล้านบาท เลยต้องบอกว่า มโหฬาร คนอุตสาห์เก็บสะสม ก็ได้บอกว่า จนตอนแก่ เพราะเก็บมาตั้งหลายปี กว่าจะมีเงินก้อนนี้มาได้ แต่แล้วต้องมาหมดเนื้อ หมดตัวไป ต้องเรียกกันว่า เอาอย่างหนัก

นอกจากนี้ ยังจะเอาอีก แต่ว่าบังเอิญตรงที่ว่า คนที่มาดูแลช่วงหลังรู้ทัน เลยเหลือบัญชีนิดหน่อย เรื่องนี้สรุปว่า คนยุคปัจจุบันนี้ หน้าเนื้อใจเสือหรือว่า หน้าเนื้อใจเสือ มันไม่รู้ว่า จะน้อยไปมั้ยที่เขาบอกหน้างาม แต่ใจทรามก็มีบางคน แต่เอาล่ะ แต่ละฝ่ายก็ต้องมีทนายความที่จะสู้คดีกัน ยายก็พาทนายมา ทางฝ่ายคนที่อายุน้อยกว่าที่ว่า โอนเงินไป ถอนเงินไป ก็ยังมี ยายบอกรับของโจร ก็คือ มีการแบ่งเงินเข้าไปในบัญชีของอีก 5 คน ในทำนองนั้น เลยกลายเป็นเรื่องที่ว่า ต้องถึงจุดที่เรียกว่า จุดหักจากรักหรือให้ด้วยเสน่หาหรือให้ด้วยกลลวง มายา

เสน่หากับกลลวง มายา คงจะต้องสู้กัน ในที่สุดศาลจะว่าอย่างไร แต่คนที่เบิกเงินไปก็บอกว่า ไม่คืนให้ อยากได้ก็ไปฟ้องร้องเอาอะไรทำนองนั้น และตกลงอาชีพทนายความก็ขายดี มีงานให้ทำเรื่อยๆ โควิดมาคนอื่นตกงาน แต่ทนายความน่าจะไม่ตกงาน เรียกว่า โรงงานปิด แต่คดีไม่มีปิด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องมีการว่าความกันอยู่เรื่อย เรียกว่า เป็นการขายความรู้ด้านทนาย ด้านกฎหมาย อย่างคดีน้องชมพู่ คุณแม่ก็บอกว่า ได้ตั้งทนายความเพื่อสู้คดีแล้ว โดยเปิดตัวแล้ว 1 คน คือ นายวินัย ชุมสวัสดิ์ ส่วนอีก 3 คน ยังไม่เปิดตัว ก็มีคนเอ่ยมาในทำนองว่า เดี๋ยวฟังทนายความพูดว่า ทนายความนี่มีโอกาสจะชนะทนายของลุงพลหรือไม่ แต่คุณแม่น้องชมพู่บอกพร้อมสู้ถึง 3 ศาล

เขาว่า เก่งต่อเก่งจะเจอกันแล้ว ทนายเก่ง พอเอยชื่อระเบิดแน่งานนี้ เลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า คอยดูเหนือฟ้ายังมีฟ้ามั้ย และใครจะไขว่ฟ้าความชนะ โดยทนายวิชัย ของคุณแม่น้องชมพู่ บอกว่า เรื่องอัศวินขี่ม้าข้าวมาช่วยแม่น้องชมพู่ ความจริงอัศวินหรือฮีโร่ที่แท้จริง คือ พนักงานสอบสวน นิติเวช นิติวิทยาศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญต่างๆ รวมทั้งศาลยุติธรรมที่จะช่วยพ่อแม่น้องชมพู่ พวกตนเป็นแค่ตัวเสริมเรื่องนี้ก็บอกกันว่า น่าคิด น่าดู น่าศึกษาเรียนรู้ว่า ทำไมอาชีพร่วง หมดไปหลายร่วง ทั้งอาชีพร้านอาหารก็โอดโอย ปิดกิจการ อย่างเมื่อเร็วๆนี้มีกุ๊กมาสมัครทำงานที่วัดสวนแก้ว 1 คน เพราะร้านอาหารปิด แต่ว่า อาชีพทนายความไม่มีปิด เพราะมีคนเปิดคดีขึ้นให้ต้องได้งานทำตลอดไป และคนกำลังจะหาอาชีพอะไรกันดี อาชีพโน้นก็ร่วง อาชีพนี้ก็หยุด อาชีพนั้นก็ปิด แต่อาชีพทนายความมีจุดขายเรื่อยๆ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login