วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เศรษฐกิจพอเพียงแก้ปัญหาชาติ

On March 30, 2021

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 30 มี.ค. 64)

และแล้วเพชรกว่าจะมีค่าบางทีก็หายไปซะแล้ว หรือว่า เปลี่ยนสถานะที่อยู่ ตอนที่อยู่ในเมือง บางทีเพชรก็ไม่มีความหมายสำหรับคนบางคน เพราะไม่ได้สนใจ ไม่ให้ค่า ไม่ให้ราคา ไม่ให้ความศรัทธาอะไรทั้งสิ้น เลยกลายเป็นเรื่องไม่สามารถจะเอามาชุบชีวิตยามตกอับได้ ล่าสุดผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชน และ ความเป็นผู้นำ เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ต้องรอด กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ  

โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,109 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 – 26 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.6 ระบุ การใช้ชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือทางรอดของทุกคนในชาติให้พ้นวิกฤติ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.0 ระบุ ได้รับประโยชน์สุขค่อนข้างมากถึงมากที่สุดจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการต่าง ๆ เช่น โครงการฝนหลวง แก้มลิง ชั่งหัวมัน สถานีเกษตรหลวง และพัฒนาชายฝั่งทะเลต่าง ๆ  

ในขณะที่ ร้อยละ 2.9 ระบุปานกลาง และร้อยละ 4.1 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่ได้รับเลย และที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.5 ต้องการค่อนข้างมาก ถึง มากที่สุด ให้ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป น้อมนำแนวทางพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในชีวิตอย่างแท้จริง ในขณะที่ ร้อยละ 4.1 ระบุปานกลาง และร้อยละ 2.4 ระบุค่อนข้างน้อย ถึง ไม่เลย อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.3 มั่นใจค่อนข้างมาก ถึง มากที่สุดว่า จะรอด ผ่านวิกฤติต่างๆไปได้  

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า เป็นผลโพลที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะจิตใจและความรู้สึกของประชาชนในช่วงวิกฤตต่าง ๆ ของประเทศและความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนแต่ละคน แต่ด้วยความสำนึกรู้คุณของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศต่อโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจ และจับต้องได้กับผลลัพธ์ที่นำประโยชน์สุขมาให้แก่ประชาชนจากโครงการต่าง ๆ เช่น ฝนหลวง แก้มลิง ชั่งหัวมัน หลักเศรษฐกิจพอเพียง การพึ่งพาตนเอง และอื่น ๆ ส่งผลทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความมั่นใจว่าจะรอดพ้นวิกฤตต่าง ๆ ไปได้ 

ต้องเรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 เป็นการแก้ปัญหาให้กับชาติได้ดีเป็นที่สุด ยิ่งยามวิกฤตตอนนี้ ถ้าไม่มีการเอาเรื่องนี้มาใช้กัน เราจะจมปลักแห่งการมีปัญหา มีวิกฤต ไม่สามารถที่จะฟื้นชาติ ฟื้นเศรษฐกิจ มีแต่จะล่มจม ถ้าทะเยอทะยาน ตอนท่านตรัสท่านก็บอกว่า มนุษย์พวกเรานี่หวังกันเหลือเกินอยากจะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่ไม่นึกเลยว่า เราจะต้องเป็นแมวป่วยในขณะนี้ ตอนนี้ต้องเรียกว่า ป่วยหนักทางเศรษฐกิจ และมีอีกตัวหนึ่งที่เห็นจะแปลกประหลาด แต่นั่น คือ จุดตายของเศรษฐกิจที่คนส่วนหนึ่งมีเงิน มีทองมาก แต่ไม่ยอมลงทุนทำอะไรทั้งนั้น 

เรียกว่า มีแต่ฝากออมเก็บเข้าธนาคารพาณิชย์ต่างๆ จนยอดขึ้นมาเป็นแสนล้านบาท ผิดกว่าปกรติถึง 11 กว่าเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เรียกว่า มีเงินออมมากกว่ายุคไหนหมด เพราะรู้ตัวว่า ขืนทำไปมันก็เสี่ยง พอเสี่ยงก็เก็บดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน แต่ทีนี้แน่นอน ถ้าคนรวยมีเงินออมเก็บไม่กิน ไม่ใช้ อันนี้ก็แน่นอน มันต้องใช้แบบพอเพียง เก็บแบบพอเพียง ไม่ใช่เก็บตะพืดตะพือ เก็บจนต้องเรียกกันว่า เน่า เก็บแบบผีเน่าโลงผุไปเลยอะไรแบบนี้ มันต้องเก็บแบบเอาไว้ส่วนหนึ่ง และต้องกิน ต้องใช้ ต้องจ่ายให้กระแสเงินมันหมุนเวียน 

ไม่ใช่ให้มันจมปลักอยู่ที่ธนาคารแล้วไม่มีการเพิ่มเติม ทำงาน ทำการประกอบอาชีพ เขาเลยต้องไปพูดเชียร์กระตุ้นคนที่มีเงินออมเยอะๆช่วยมาเก็บส่วนหนึ่ง ใช้ส่วนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคนจะไปไม่รอด ไปไม่ถึงดวงดาวกัน เขาก็เลยพูดกระตุ้นให้ใช้เงิน แต่เวลาใช้ก็กลัวอีก ใช้ไม่บันยะ บันยัง ใช้ไม่ดูตาม้า ตาเรืออะไรทำนองนั้น ใช้เกิน กินเกิน ในที่สุด มนุษย์เรานี่คนไทยพลาด เพราะคำว่า ส่วนเกิน มีส่วนเกินซะเกิน ทะเยอทะยานเกิน ดูซิ อยากรวยเกิน หากินกับสีเทาเป็นไง รวยหมื่นล้าน ถูกยึดพันกว่าล้านแล้ว 

แล้วก็มีคดีต้องติดคุก ติดตะราง นี่ก็เพราะทะยานเกิน อยากรวยเกิน แล้วก็ไม่มีวิธีการที่ถูกต้องไปเป็นธุรกิจสีเทา จนมืดทะมึน อนาคตมืด แล้วก็จะมีคนจะสืบต่อหลงจู๊ที่ถูกตำรวจจับไปแล้วทั้งพ่อ ทั้งลูก ยังมีพวกบริวารอีก 6-7 คน นี่เป็นประเทศที่เราไม่ยอมพลิกผันใช้ศาสตร์พระราชาที่มีคนหลายคนใช้ เขาบอกว่า ปลูกฟักข้าวไม่ได้มากเลย ไร่ ครึ่งไร่ แล้วมาทำน้ำฟักข้าวขาย รอดตัวพออยู่ พอใช้ได้ ไม่เป็นหนี้ เป็นสิน ไม่ต้องเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย ไม่ต้องคนละครึ่ง ช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งหมด 

อันนี้แหละเป็นศาสตร์พระราชาที่ชัดเจน คำว่า พอเพียง ก็ไม่ใช่หมายความขี้เกียจ บอกทำแค่นี้ พอแล้วๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรต่อ ท่านบอกว่า พอเพียง เรามีไฟฟ้า เราก็อย่าประมาท เตรียมหาเทียน หาไฟฉายเอาไว้ด้วย เผื่อไฟฟ้าดับ เทียน น้ำมัน ไฟฉายยังจะทำให้พออยู่ พอเห็นนั่น เห็นนี่ ทำงานได้ ทำกับข้าวได้ ไม่อดอยากปากแห้ง ท้องหิว นี่คำว่า พอเพียง มีเหตุ มีผล ก็หวังว่า ต่อแต่นี้ไป คงเชื่อโพล เชื่อวิถีชีวิตแบบพอเพียงดีกว่าเก่าแน่นอน 

เจริญพร 


You must be logged in to post a comment Login