วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ขอให้ชาติอยู่รอด

On November 10, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 10 พ.ย. 63)

เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย 2 ขั้วการเมือง ต่างฝ่ายต่างก็ออกมาปกป้อง ฝ่ายหนึ่งปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกฝ่ายหนึ่งปกป้องประชาธิปไตย ตกลงว่า มีฝ่ายหนึ่งยุให้ท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่านพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ทำการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อชัตดาว์นประเทศไทยไม่ให้มีการเคลื่อนไหวอะไรกัน แต่ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นใช้กฎหมายพิเศษเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ที่ลงลึกไปถึงแต่ละครอบครัวได้เด็ดขาด

โดยคิดว่า นี่ เป็นทางออกที่ดีของประเทศไทยในยามนี้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกไม่ได้ ถ้าเราทำปฏิวัติรัฐประหารก็จะต้องเกิดเหตุการณ์นองเลือด ยอมพลีเพื่อรักษาประชาธิปไตย กับอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะรักษาสถาบัน ตกลงว่า ประเทศไทยจะรักษาอะไรกันแน่ ถ้าประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทำไมไม่อยู่ร่วมกันได้ จะต้องหักล้าง หักหาญน้ำใจกันแต่ละฝ่าย ซึ่งมันก็มองดูแล้วน่าห่วงใยประเทศชาติว่า ทางออกและทางตัน

ทางออกหรือทางที่จะไปสู่ทางพินาศย่อยยับ แต่มองว่า เป็นทางออก อย่างนี้โบราณเราก็บอกว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดีอะไรทำนองนั้น ถ้ากงจักรเป็นดอกบัวมาปั่นหัวเลือดไหลแล้วยังรู้สึกว่า มันเป็นดอกบัว ทั้งๆที่มันเป็นกงจักร เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี เห็นกงจักรเป็นดอกบัว คนไทยพูดเตือนกันมานาน แต่ทีนี้จะเห็นดี เห็นงามกันอย่างไร ถ้านายกรัฐมนตรี และกองทัพเห็นด้วย แต่ประชาชนอีกกลุ่มไม่เห็นด้วยแล้วจะเกิดอะไรกัน

จะได้เห็นเลือด เห็นเนื้อ เห็นการล้มหายตายจากแทนที่จะเห็นดี เห็นงาม เห็นอก เห็นใจ กลายเป็นเห็นเลือด เห็นเนื้อ เห็นการบาดเจ็บล้มตาย อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่อยากดู ไม่อยากเห็น แต่คนที่เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี เห็นทางออกของตัวเองเป็นทางให้ชาติรอด ตกลงว่า จะรอดหรือไม่รอดคงต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ล่าสุดผู้บัญชาการทหารบกได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงโอกาสที่จะมีการทำปฏิวัติรัฐประหารแล้ว โดยผู้บัญชาการทหารบก  บอกว่า รัฐประหารติดลบ ดังนั้น อาตมาก็ขอภาวนาว่า ขอให้ชาติอยู่รอด ส่วนใครจะอยู่ จะไปก็ค่อยว่าต่อไปก็แล้วกัน

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login