วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อย่าให้เกิดอาการตายซาก

On October 6, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ต.ค. 63)

ช่วงนี้คนติดตามดูว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สถานการณ์ขณะนี้ต้องเรียกกันว่า สาหัสสากรรจ์ หลังจากคนที่เคยกิน เคยจ่าย เคยใช้คราวนี้ก็ต้องระมัดระวังตัว เพราะกลัวจะหมดมือ หมดหน้าตัก และยังหาใหม่แทบไม่ได้ ก็จะอยู่ลำบาก สอดรับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาบอกว่า คนระมัดระวังการใช้จ่ายมาก ส่งผลให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก

โดยมีรายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า ผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือน ก.ย.2563 ภาพรวมของภาวะธุรกิจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างมาก จากกำลังซื้อที่ยังคงอ่อนแอเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคในประเทศยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยและมาตรการปิดประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ทำให้ธุรกิจโดยเฉพาะในภาคที่ไม่ใช่การผลิตยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก โดยธุรกิจการค้าและอสังหาฯ ยังต้องพึ่งพาการทำโปรโมชั่นค่อนข้างมากเพื่อพยุงยอดขาย ส่วนธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยอดขายยังฟื้นตัวได้ไม่ถึง 50 % อย่างไรก็ตามธุรกิจการบริการทางการเงินและธุรกิจสาธารณูปโภคเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ภาคบริการในภาพรวมฟื้นตัวได้ดี

ด้านธุรกิจในภาคการผลิตมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าภาคที่ไม่ใช่การผลิตอย่างชัดเจน โดย 15 % ของผู้ผลิตรายงานว่า ระดับการผลิตฟื้นตัวกลับมาเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดแล้ว อีกทั้งผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่าระดับการผลิตจะสามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับเดิมภายในครึ่งหลังของปี 2564

ขณะที่ธุรกิจในภาคที่ไม่ใช่การผลิตส่วนใหญ่มองว่าธุรกิจจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังปี 2564 ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามมีเพียง 2.4 % ของธุรกิจโดยรวมที่เชื่อว่าระดับการผลิต ยอดขายจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับเดิมได้อีก

“การผลิตและยอดขายที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเดิมและมีแนวโน้มที่จะลากยาวไปถึงครึ่งหลังของปี 2564 เป็นอย่างน้อย ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่สำรองสภาพคล่องเผื่อฉุกเฉินและวัตถุดิบคงคลังเพิ่มขึ้น”

รายงานข่าว ระบุอีกว่า การฟื้นตัวที่เปราะบางทำให้หลายธุรกิจยังคงจ้างงานต่ำกว่าในช่วงก่อนการแพร่ระบาด ทั้งในด้านจำนวนแรงงานและชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยต่อคน สอดคล้องกับที่ธุรกิจจำนวนหนึ่งรายงานว่ายังคงมีการใช้นโยบายปรับเปลี่ยนการจ้างงานอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจในภาคที่ไม่ใช่การผลิตที่มีการปรับลดการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. โดยเฉพาะการให้สลับกันมาทำงานและการลดชั่วโมงการทำงาน

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เลยกลายเป็นเรื่องที่ว่า ถ้ายังอยู่ในสภาพที่คนไม่กล้าใช้ ไม่กล้าจ่าย ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องขยับเขยื้อน มีการเคลื่อนไหวในทางเศรษฐกิจแบบให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลทำให้เกิดวิกฤตหนักขึ้นได้ เพราะตอนนี้ทุกฝ่าย ทุกส่วนอยู่ในระหว่างกลัว เกรง ไม่กล้าที่จะจ่าย จะใช้ ทำให้เงินไม่หมุน ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่ใช้แก้ปัญหาแบบชั่วครู่ ชั่วยาม แล้วก็กลับมาเริ่มต้นกลัวกันใหม่

ในที่สุดการที่จะกล้าลงทุน กล้าทำ กล้าใช้ มันหายหดหมดไป กลายเป็นว่า กลัวจะใช้ไปแล้วมันประคองไม่ถึงที่สุด มาใช้แล้วจนมุม จนกระดาน ไม่มีวันจะหาเพิ่มใหม่ได้ เขาก็ต้องกลัว เลยทำให้อั้น ไม่จ่าย ไม่ใช้กัน เศรษฐกิจก็ผอมโซ แห้งตายไปกับที่ไม่กล้าที่จะใช้ จะจ่าย ทำให้เกิดความกลัวเกรง หวาดหวั่นว่า สักวันจะไม่มีกิน มีใช้ เลยออมไว้ก่อน เพราะออมอั้น ไม่จ่าย ไม่ใช้ อาการตายซากก็เกิดขึ้นอย่างน่ากลัว

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login