- ระลึกถึงพ่อหลวง ร.9Posted 14 hours ago
- 5 ธ.ค.วัดสวนแก้วแตกแน่Posted 1 day ago
- จะกลับมาแบบไหนPosted 2 days ago
- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 2 days ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 2 days ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 2 days ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 2 days ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 3 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 6 days ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 1 week ago
ฆาตกรต่อเนื่อง (ซะเมื่อไร)
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 31 มกราคม-7กุมภาพันธ์ 2563)
โจรกระจอกถูกตำรวจจับในข้อหาใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์ ภายหลังพบว่าเขามีประวัติก่ออาชญากรรมต่างๆมากมาย เช่น ทะเลาะวิวาท ลวนลามทางเพศ และเสพยาเสพติด โดยกระทำความผิดในคดีแบบเดียวกันอย่างละหลายครั้ง ศาลจึงส่งตัวไปรักษาอาการทางจิต เขาสารภาพกับจิตแพทย์ที่ให้การรักษาว่าเขาไม่ใช่โจรกระจอก แต่เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเหยื่อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ราย
ปี 1991 โทมัส ควิก ชาวสวีเดนวัย 41 ปี ถูกตำรวจจับในข้อหาใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์ หลังจากตำรวจสืบประวัติก็พบว่าโทมัสเคยถูกตำรวจจับมาแล้วก่อนหน้านี้หลายครั้งในคดีเล็กๆน้อยๆจากการมีประวัติก่ออาชญากรรมซ้ำซาก ทำให้ศาลมีคำสั่งส่งตัวโทมัสไปรักษาโรคทางจิต
โทมัส ควิก
โทมัสเกิดและโตในหมู่บ้านเล็กๆในชนบทแห่งหนึ่งของประเทศสวีเดน มีพี่น้อง 7 คน พ่อแม่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ เมื่ออายุได้ 14 ปี โทมัสค้นพบว่าตัวเองเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน แต่การที่พ่อแม่เป็นคนเคร่งศาสนา ทำให้เขาต้องเก็บรสนิยมรักร่วมเพศเอาไว้เป็นความลับ และหันไปพึ่งยาเสพติดเป็นที่ระบายความอัดอั้น
ปี 1969 โทมัสถูกตำรวจจับในข้อหาลวนลามทางเพศเด็กชาย และต่อมาไม่นานก็ถูกตำรวจจับอีกครั้งในข้อหาพยายามใช้มีดแทงอดีตคนรัก หลังจากนั้นก็ถูกตำรวจจับในข้อหาอื่นๆอีกหลายครั้ง เช่น ทะเลาะวิวาท และเสพยาเสพติด จนกระทั่งในปี 1990 โทมัสพยายามเล่นของใหญ่ด้วยการแต่งตัวเป็นซานตาคลอสใช้อาวุธบุกเข้าจี้ชิงเงินธนาคารแห่งหนึ่ง โชคไม่ดีนัก พนักงานธนาคารคนหนึ่งจำโทมัสได้ เขาเลยถูกตำรวจตามรวบตัว และสุดท้ายก็มาลงเอยที่สถานบำบัดอาการทางจิต
จิตแพทย์ขณะบำบัดอาการทางจิตให้โทมัส
โทมัสอาจเป็นแค่โจรกระจอก แต่เขามีสมองที่ปราดเปรื่อง ครั้งหนึ่งเคยอยากเป็นหมอจึงตั้งหน้าตั้งตาอ่านบทความเรื่องจิตวิเคราะห์ โทมัสนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากแพทย์ที่ทำหน้าที่บำบัดรักษาอาการททางจิตของเขา
ใส่พานให้ถึงที่
วันหนึ่งในปี 1992 ระหว่างรับการรักษาอาการทางจิต โทมัสถามจิตแพทย์ว่า “หมอคิดอย่างไรถ้าหากผมเคยทำเรื่องเลวร้ายมากๆ บางทีผมอาจเคยฆ่าใครบางคน” แน่นอนว่าจิตแพทย์ชะงักไปชั่วขณะ และตามมาด้วยอาการกระตือรือร้นให้ความสนใจชนิดหูผึ่งโดยทันที
โทมัสสารภาพว่า เด็กชายโยฮัน แอสพลูนด์ วัย 11 ปี ที่หายตัวไปอย่างปริศนาในปี 1980 นั้น ที่จริงแล้วเขาเป็นคนสังหารโยฮันเอง โดยเขาจอดรถหน้าโรงเรียนแล้วล่อลวงให้โยฮันขึ้นรถ จากนั้นก็ขับรถพาไปในที่เปลี่ยว ก่อนจะใช้กำลังข่มขืนโยฮัน หลังจากนั้นก็รัดคอฆ่าปิดปาก สับร่างเป็นชิ้นๆนำไปฝังในป่าข้างทาง
โยฮัน แอสพลูนด์ เหยื่อรายแรกที่โทมัสรับสารภาพ
ตำรวจออกตรวจค้นสถานที่ตามที่โทมัสกล่าวอ้าง แต่ไม่พบร่างโยฮันหรือหลักฐานใดๆทั้งสิ้น ขณะเดียวกันโทมัสก็รับสารภาพกับจิตแพทย์ในคดีปริศนาฆาตกรรมอีกอย่างน้อย 7 คดี คดีฆาตกรรมรายแรกเกิดขึ้นในปี 1964 ตอนนั้นทั้งโทมัสที่เป็นฆาตกรและโทมัสที่เป็นเหยื่ออายุเพียงแค่ 14 ปีเท่ากัน
วันที่ 18 พฤษภาคม 1964 อีริก แอนเดอร์สัน พบร่างของโทมัส บลอมเกรน เด็กชายวัย 14 ปี บริเวณกระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากบ้านของเหยื่อเพียงแค่ 300 เมตร ร่างของโทมัสถูกวางพิงผนังกระท่อมในลักษณะเท้าพิงกำแพงหัวทิ่มดิน มีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ เข็มขัดกางเกงถูกปลด อวัยวะเพศโผล่ออกนอกกางเกง คดีนี้ตำรวจไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้
รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่
หลังจากได้ลิ้มรสชาติการสังหารเป็นครั้งแรกแล้ว โทมัสผู้เป็นฆาตกรก็ติดใจหลงใหลการฆ่าคน เริ่มออกล่าเหยื่อสังหารผู้เคราะห์ร้ายรายอื่นๆอีกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งโทมัสสามารถบอกข้อมูลลับในแต่ละคดีที่มีแต่ตำรวจเท่านั้นที่รู้ได้อย่างถูกต้อง นั่นหมายถึงว่าในที่สุดคดีปริศนาฆาตกรรมหลายสิบคดีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1964-1990 ถูกเปิดเผยโดยตัวฆาตกรเอง
นี่ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ระดับชาติ สื่อมวลชนทุกสาขา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ประโคมข่าวฆาตกรต่อเนื่องโทมัส ควิก แม้ว่าตำรวจจะไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดเลยสักคดี แต่รายละเอียดบางอย่างที่มีเพียงตัวฆาตกรเท่านั้นที่จะรู้ได้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตำรวจเชื่อว่าโทมัสเป็นฆาตกรตัวจริงตามที่เขาอ้าง ทำให้ตำรวจเขียนสำนวนส่งฟ้องโทมัสในเบื้องต้น 8 คดี และดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อเตรียมฟ้องอีกกว่า 20 คดี
โทมัส บลอมเกรน เหยื่อรายแรกของโทมัส ควิก
มีสิ่งหนึ่งที่ตำรวจทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยคือ พวกเขายึดความถูกต้องของข้อมูลจากปากโทมัสเพียงอย่างเดียวจนมองข้ามไปว่าที่จริงแล้วข้อมูลจำนวนมากที่โทมัสบอกนั้นไม่ถูกต้อง ผิดไปจากความเป็นจริง เช่น ระบุสถานที่เกิดเหตุผิดในหลายคดี ระบุวัน-เวลาที่เกิดเหตุผิด ระบุรูปพรรณสัณฐานเหยื่อบางรายผิด ซ้ำยังมีหลักฐานว่าโทมัสปรากฏตัวอยู่ในสถานที่อื่นในคดีที่เขารับสารภาพ หลักฐานดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุไม่ตรงกับโทมัสเลยสักคดี
กระท่อมร้างจุดที่พบร่างโทมัส บลอมเกรน
โทมัสสารภาพว่าได้สังหารชาวแอฟริกันอพยพ 2 คน แต่ต่อมาตำรวจสืบสวนพบว่าชายทั้ง 2 คนยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงสิ่งเดียวที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานฟ้องโทมัสก็คือคำสารภาพจากปากของเขาเอง แม้แต่ญาติของเหยื่อหลายรายก็ยังไม่เชื่อเนื่องจากขาดหลักฐาน พวกเขาไม่ต้องการให้ฆาตกรตัวจริงลอยนวล
หลอกเอายา
ตลอดระยะเวลาหลายปีการสืบสวนเค้นหาความจริงเป็นไปอย่างเข้มข้นจนแพทย์ต้องจ่ายยากล่อมประสาทให้กับโทมัสเพื่อผ่อนคลายความเครียด จนกระทั่งในปี 2001 โทมัสตัดสินใจไม่ยอมให้ปากคำกับตำรวจอีกต่อไป
ปี 2008 โทมัสให้สัมภาษณ์กับฮานเนส ราสแตม ผู้สื่อข่าวที่มีชื่อเสียงของสวีเดน ยอมรับว่าเขาไม่เคยฆ่าใครสักคนเดียว เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเขาไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแพทย์ โทมัสสังเกตเห็นว่าแพทย์ให้ความสนใจกับอาชญากรที่ก่อคดีร้ายแรงเป็นพิเศษ เขาเลยกุเรื่องขึ้นมาว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และมันก็ได้ผลจริงๆ ทุกคนหันมาให้ความสนใจตัวเขาเป็นพิเศษ
ส่วนหนึ่งของคดีปริศนาฆาตกรรมที่โทมัสสารภาพว่าเป็นคนลงมือ
เรื่องข้อมูลคดีที่มีแต่ตำรวจและฆาตกรเท่านั้นที่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะค้นหาหากมีความพยายาม คดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นนานมาแล้ว การร้องขอดูสำเนาการสืบสวนคดีสามารถกระทำได้ ไม่เป็นความลับอีกต่อไป ข้อมูลบางอย่างก็ได้จากผู้สื่อข่าวที่ติดตามคดีในช่วงแรก ข้อมูลบางอย่างไม่เคยถูกนำเสนอในหน้าหนังสือพิมพ์ ประชาชนทั่วไปจึงไม่รู้ แต่มันยังปรากฏอยู่ในบันทึกของผู้สื่อข่าว
จริงๆแล้วโทมัสไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรมากมาย เขาแค่หาข่าวในคดีที่อยากได้จากหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียวก็พอแล้ว ข้อมูลที่เหลือหลุดออกจากปากตำรวจและคนที่อยู่ในทีมที่มาสอบปากคำเขาเอง โทมัสเพียงแค่ให้ความสนใจในสิ่งที่พวกเขาพูดก็เท่านั้น และทั้งหมดทั้งปวงที่เขาทำไปนั้นก็เพราะต้องการยาคลายเครียด “เบ็นโซไดอาเซพีน” ซึ่งแพทย์จะสั่งจ่ายยาให้กับเขาทุกครั้งหลังจากถูกสอบปากคำ
โทมัสในสถานบำบัดโรคจิต
ยิ่งได้รับยามากเท่าไร โทมัสก็จะยิ่งมีจินตนาการกว้างไกล ยิ่งมีเรื่องเล่ามากเท่าไรก็ยิ่งได้รับความสนใจจากตำรวจและแพทย์ เมื่อพวกเขาสนใจมากก็ยิ่งจ่ายยาให้มากขึ้น วนลูปกันไปเป็นงูกินหาง หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผย โทมัสก็ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระในปี 2013 เหลือทิ้งไว้เพียงรอยด่างให้กับกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลสวีเดน
ฮานเนส ราสแตม ผู้สื่อข่าวชื่อดังของสวีเดน
โทมัสหยุดให้ปากคำกับตำรวจหลังจากไม่ต้องการยาอีก
โทมัสสารภาพว่าโกหกเพราะอยากได้ยากล่อมประสาท
You must be logged in to post a comment Login