วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

เสียลูกเพราะกลัวเสียหน้า

On January 3, 2020

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  3-10 มกราคม 2563)

ลูกสาวทายาทนักธุรกิจน้ำหอมชื่อดังหายตัวไปอย่างลึกลับ พ่อแม่ไม่ยอมแจ้งตำรวจเพราะกลัวว่าลูกสาวจะทำเรื่องน่าอับอายกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านนินทากันสนุกปาก จนวันเวลาล่วงเลยไปเนิ่นนานเกินกว่าจะสามารถสืบหาเบาะแสได้

เช้าวันที่ 12 ธันวาคม 1910 โดโรธี อาร์โนลด์ วัย 25 ปี ลูกสาวฟรานซิส อาร์โนลด์ นักธุรกิจนำเข้าน้ำหอมรายใหญ่ของอเมริกา ขออนุญาตแมรี่ผู้เป็นแม่บอกว่าจะออกไปซื้อชุดสำหรับใส่ในงาน “เดบูตองต์” ของน้องสาว

เดบูตองต์คืองานเปิดตัวหญิงสาวในสังคมชั้นสูง และเป็นโอกาสที่พ่อแม่จะใช้อวดฐานะความร่ำรวย แมรี่เสนอตัวจะไปด้วย แต่โดโรธีบอกว่าไม่ต้อง หากเธอพบเสื้อผ้าที่ถูกใจจะโทรศัพท์มาบอก หลังจากนั้นโดโรธีก็ออกจากบ้านไปตามลำพังเมื่อเวลา 11.00 น. โดยมีเงินติดตัวไปราว 25-30 ดอลลาร์ หรือเทียบกับค่าเงินปัจจุบันราว 600-800 ดอลลาร์

โดโรธีเดินออกจากอพาร์ตเมนต์เลขที่ 180 ถนนสายที่ 79 ในกรุงนิวยอร์ก มุ่งหน้าไปยังร้านขนมพาร์กและทิลฟอร์ดที่ตั้งอยู่มุมถนนฟิฟธ์อเวนิว ซื้อช็อกโกแลต 1 กล่องโดยลงบัญชีชื่อเธอเอาไว้ก่อน และตรงไปยังร้านหนังสือเบรนตาโนซื้อนิยายแนวขบขันเรื่อง Engaged Girl Sketches

หลังจากเดินออกจากร้านหนังสือเวลาประมาณ 14.00 น. โดโรธีบังเอิญพบเพื่อนสาว กลาดี้ส์ คิง ทั้งคู่หยุดสนทนากันเกี่ยวกับงานเดบูตองต์ของน้องสาวโดโรธี ก่อนที่กลาดี้ส์จะขอตัวเนื่องจากมีนัดรับประทานข้าวกับแม่ และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่มีคนพบตัวโดโรธี

ห้ามให้ใครรู้

ตะวันลับขอบฟ้าแต่โดโรธียังไม่กลับบ้าน ฟรานซิสและแมรี่เริ่มเป็นห่วง พวกเขาโทรศัพท์ถามตามบ้านเพื่อนๆของโดโรธีแต่ไม่มีใครทราบ การถามหาลูกสาวตามบ้านเพื่อนๆอาจทำให้เกิดการซุบซิบนินทา และสิ่งที่พวกเขากลัวมากที่สุดคือ โดโรธีจะไปก่อเรื่องทำให้ตระกูลอับอายขายหน้า

ตกดึก เอลซ่า เพื่อนสนิทคนหนึ่งของโดโรธี โทรศัพท์มาเช็กข่าวเพราะความเป็นห่วงเพื่อน แมรี่รับสายบอกว่าโดโรธีกลับบ้านแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง เอลซ่าขอพูดกับโดโรธี แต่แมรี่ปฏิเสธโดยบอกว่าโดโรธีอ่อนเพลียจากการไปช็อปปิ้งมาทั้งวัน วันหลังค่อยคุยกัน

ฟรานซิสและแมรี่เก็บเรื่องลูกสาวหายตัวไปนานถึง 2 สัปดาห์ ไม่ยอมไปแจ้งตำรวจ ไม่ยอมขอความช่วยเหลือกับใคร เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นขี้ปากชาวบ้านทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล จอห์น คีธ เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่อง เขาเป็นทนายประจำตระกูลและเป็นเพื่อนสนิทของฟรานซิส

จอห์นขอค้นห้องนอนของโดโรธี พบว่าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวยังอยู่ครบ พบใบโฆษณาแผ่นพับเรือสำราญข้ามทวีป 2 ฉบับ จดหมายส่วนตัวส่งมาจากยุโรปหลายฉบับ และเศษเถ้าถ่านกองกระดาษซึ่งคาดว่าเป็นต้นฉบับนิยายที่โดโรธีเป็นคนประพันธ์

ไม่สมฐานะ

โดโรธีเรียนจบปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์และวรรณกรรมจากมหาวิทยาลัยบรินมาวร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เธอใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนนิยาย ขณะที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย อาชีพนักประพันธ์ไม่เหมาะกับผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เกิดในตระกูลชั้นสูง

ขณะศึกษาที่บรินมาวร์ โดโรธีพบรักกับจอร์จ กริสคอม วิศวกรจนๆอายุ 42 ปี แต่ความจนไม่ใช่อุปสรรค เพราะในเวลาต่อมาจอร์จสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะร่ำรวย อายุที่ต่างกันมากก็ไม่ค่อยเป็นอุปสรรคเท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้ฟรานซิสและแมรี่ไม่พอใจมากก็คือจับได้ว่าโดโรธีแอบไปหลับนอนกับจอร์จ 1 สัปดาห์เต็มๆที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพิตต์สเบิร์ก

ยิ่งไปกว่านั้นโดโรธียังขโมยเครื่องเพชรของแม่ที่มูลค่าปัจจุบัน 12,000 ดอลลาร์ นำไปจำนำได้เงินมา 1,500 ดอลลาร์ ใช้เป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่กับจอร์จ ฟรานซิสและแมรี่จึงสั่งห้ามโดโรธีคบหากับจอร์จ แต่โดโรธีไม่เชื่อฟัง เธอยังแอบไปพบกับจอร์จอย่างน้อยก็ 1 ครั้งในวันที่เขาออกเดินทางไปยุโรป

ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ จอห์นสืบหาตามสถานีตำรวจ โรงพยาบาล และสถานเก็บศพทุกแห่งในเมืองนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย และบอสตัน แต่ก็ไม่พบเบาะแส เขาจนปัญญาที่จะตามหาโดโรธีจึงแนะนำให้ฟรานซิสใช้บริการนักสืบมืออาชีพ

ช้าเกินการ

ฟรานซิสว่าจ้างบริษัทนักสืบพิงเกอร์ตันทำการสืบหาลูกสาว แต่พวกเขาก็ไม่พบเบาะแสใดๆ นักสืบพิงเกอร์ตันอนุมานจากแผ่นพับเรือสำราญ คาดการณ์ว่าโดโรธีอาจแอบหนีตามจอร์จไปอยู่ที่ยุโรป จึงสืบหารายชื่อผู้โดยสาร รายชื่อผู้จดทะเบียนสมรส แต่ก็คว้าน้ำเหลวไม่พบข้อมูลใดๆ

แมรี่ตัดสินใจบินตามไปที่ประเทศอิตาลีด้วยตัวเอง ตามสืบจนพบโรงแรมที่จอร์จพักอาศัย เธอพยายามเค้นคอจอร์จถามหาลูกสาว แต่จอร์จตอบปฏิเสธว่าเขาไม่รู้ว่าโดโรธีหายตัวไป แมรี่ขอให้จอร์จมอบจดหมายที่ลูกสาวเคยเขียนถึงเขา แต่จอร์จปฏิเสธเช่นกันโดยบอกว่าเผาทิ้งไปหมดแล้ว

หลังจากสิ้นหวังกับนักสืบเอกชน ในที่สุดฟรานซิสตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจหลังจากที่โดโรธีหายตัวไปได้ 6 สัปดาห์ ตำรวจแนะนำให้ฟรานซิสตั้งโต๊ะแถลงข่าว และตั้งเงินรางวัลให้กับผู้ที่มีเบาะแสเป็นเงิน 25,000 ดอลลาร์ เนื่องจากฟรานซิสมาแจ้งความช้าจนยากต่อการที่ตำรวจจะสืบหาข้อมูลได้เอง

เดือนถัดมาจอร์จเดินทางกลับมานิวยอร์ก เขาแถลงข่าวทันทีว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของโดโรธี แต่เชื่อว่าเธอจะกลับบ้านเร็วๆนี้ และเขาจะขอแต่งงานกับเธอทันทีที่เธอปรากฏตัว หลังจากโดโรธีหายตัวไปได้ 2 เดือน ฟรานซิสก็ได้รับโปสการ์ดใบหนึ่งมีข้อความสั้นๆว่า “หนูปลอดภัยดี” ลงชื่อ “โดโรธี”

เดากันไป

ฟรานซิสยอมรับว่าลายมือในโปสการ์ดเป็นลายมือของโดโรธี แต่ไม่เชื่อว่าโดโรธีเป็นคนเขียน เขามั่นใจว่ามีคนปลอมลายมือโดโรธีส่งโปสการ์ดมาเพื่อให้หยุดตามหา ซึ่งเป็นไปได้มากว่าเธอเสียชีวิตแล้ว แต่สาเหตุมาจากอะไรนั้นยังไม่ทราบ

ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 1910 โดโรธีเขียนนิยายเรื่องสั้นส่งไปที่นิตยสารแมคเคลอร์ แต่นิยายของเธอถูกตีกลับ โดโรธีรู้สึกผิดหวังแต่ไม่ท้อแท้ เธอเขียนนิยายเรื่องที่สองส่งให้กับนิตยสารแมคเคลอร์อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 1910 แต่มันก็ถูกตีกลับเหมือนครั้งก่อน คราวนี้โดโรธีผิดหวังหนักมาก เธอเขียนจดหมายปรับทุกข์ถึงจอร์จ “ความล้มเหลวจ้องหน้าฉัน สิ่งที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้าคือถนนสายยาวไกลที่ไม่มีจุดย้อนกลับ”

โดโรธีขอให้พ่อซื้ออพาร์ตเมนต์ในเขตกรีนวิชวิลเลจเพื่อที่เธอจะได้ใช้เป็นที่เขียนนิยาย แต่ฟรานซิสไม่อยากให้ลูกเป็นนักประพันธ์เป็นทุนอยู่แล้วจึงตอบกลับไปว่า “นักเขียนที่ดีเขียนที่ไหนก็ได้เหมือนกันทั้งนั้น”

จอห์นเชื่อว่ากองเถ้าถ่านที่พบในห้องนอนของโดโรธีคือต้นฉบับนิยายที่ถูกนิตยสารแมคเคลอร์ส่งคืน โดโรธีผิดหวังจากสำนักพิมพ์ 2 ครั้งติดกัน แล้วยังผิดหวังที่พ่อแม่ไม่สนับสนุนทั้งเรื่องอาชีพและคนรัก เธอจึงอาจคิดสั้นฆ่าตัวตาย และสิ่งที่ทำให้คดียุ่งยากคือพ่อแม่ของโดโรธีเองที่พยายามปกปิดการหายตัวไปของลูกสาวด้วยเกรงว่าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ชะตากรรมของโดโรธี อาร์โนลด์

 

1

1.โดโรธี อาร์โนลด์

2

2.งานเดบูตองต์ ธรรมเนียมเปิดตัวหญิงสาวในสังคมชั้นสูง

3

3.ร้านขนมพาร์กและทิลฟอร์ด

4

4.หัวมุมถนนฟิฟธ์อเวนิว จุดสุดท้ายที่มีคนพบโดโรธี

5

5.โฆษณาแผ่นพับเรือสำราญ

6

6.นักสืบเอกชน “พิงเกอร์ตัน”

7

7.ภาพวาดบรรยายการแต่งกายในวันที่โดโรธีหายตัวไป

8

8.การหายตัวไปของโดโรธีกลายเป็นข่าวใหญ่

9

9.ฟรานซิสและแมรี่เป็นเป้าหมายของปาปารัสซี่

10

10.จอร์จให้ข่าวทันทีที่เดินทางกลับอเมริกา


You must be logged in to post a comment Login