- กลืนเลือดไม่ให้เสียใจPosted 1 day ago
- ระลึกถึงพ่อหลวง ร.9Posted 2 days ago
- 5 ธ.ค.วัดสวนแก้วแตกแน่Posted 3 days ago
- จะกลับมาแบบไหนPosted 4 days ago
- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 4 days ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 4 days ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 4 days ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 4 days ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 5 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 1 week ago
ป่าอาถรรพ์
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2562)
สองสาวเพื่อนสนิทชวนกันไปเดินเล่นในป่าใกล้ที่พักแต่พวกเธอไม่ได้กลับออกมาอีกเลย ภายหลังพบกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์เต็มไปด้วยภาพถ่ายนับร้อยภาพในช่วงเวลาที่พวกเธอหายตัวไป แต่แทนที่จะช่วยไขปริศนาการหายตัวกลับทำให้เรื่องราวดูลึกลับยิ่งขึ้นไปอีก
ปี 2013 ลิแซนน์ ฟรูน วัย 21 ปี เพิ่งจบการศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยในเมืองเดเวนเตอร์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปีเดียวกันนี้เอง คริส เครเมอส์ วัย 20 ปี จบการศึกษาสาขาการศึกษาวัฒนธรรมสังคมจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ เมืองอาเมอร์สโฟร์ต ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากเรียนจบ 2 สาวปรึกษากันว่าจะเดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ประเทศปานามาเป็นเวลา 6 สัปดาห์
ก่อนอื่นพวกเธอต้องหาเงินเพื่อใช้เป็นค่าอยู่อาศัยและค่าเดินทาง ลิแซนน์จึงย้ายมาพักอาศัยที่หอพักเดียวกันกับคริส หลังจากนั้นทั้ง 2 คนก็ทำงานในร้านอาหารเป็นเวลา 6 เดือน จนกระทั่งมีเงินเก็บเพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายในประเทศปานามาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ตามที่วางแผนเอาไว้
วันที่ 15 มีนาคม 2014 สองสาวเดินทางถึงปานามา พวกเธอใช้เวลา 2 สัปดาห์ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังโบเกเต หมู่บ้านเล็กๆใกล้ชายแดนทิศตะวันตกของปานามา จุดประสงค์เพื่อเรียนภาษาสเปนจากคนท้องถิ่น และอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กอนาถาเป็นเวลา 1 เดือน
ลิแซนน์และคริสเดินทางถึงหมู่บ้านโบเกเตวันที่ 29 มีนาคม ทั้งคู่เข้าพักอาศัยอยู่กับครอบครัวคนท้องถิ่นแบบโฮมสเตย์ แต่พวกเธอดูตารางเวลาผิดไปหน่อย โปรแกรมเรียนภาษาสเปนจะเริ่มต้นในสัปดาห์หน้า ลิแซนน์และคริสปรึกษากันว่าจะใช้เวลาช่วงนี้ไปชื่นชมธรรมชาติในป่าใกล้ๆหมู่บ้าน
เข้าง่าย ออกยาก
เช้าวันที่ 1 เมษายน ลิแซนน์และคริสจูงมือกันเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเปียนิสต้า ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับที่นักท่องเที่ยวทุกคนใช้ชมธรรมชาติ มีสุนัขของครอบครัวที่พวกเธออาศัยอยู่ด้วยเดินนำทางไป ลิแซนน์และคริสโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คบอกกับเพื่อนๆว่าพบหนุ่มชาวเนเธอร์แลนด์ 2 คนชวนกินข้าวมื้อสาย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน โดยลิแซนน์และคริสมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเปียนิสต้าตามที่วางแผนไว้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติเปียนิสต้าอยู่ห่างจากหมู่บ้านโบเกเต 4 กิโลเมตร มีระยะทาง 7.9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 3-4 ชั่วโมง ลิแซนน์และคริสนำกระเป๋าเป้บรรจุของใช้จำเป็นเพียงไม่กี่อย่าง เช่น กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ แว่นกันแดด น้ำดื่ม และชุดว่ายน้ำ
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ลิแซนน์และคริสจะกลับออกจากป่าในเวลาบ่ายต้นๆ แต่เวลาผ่านไปจนถึงเย็นพวกเธอก็ยังไม่กลับออกมา มีเพียงสุนัขที่ไปกับพวกเธอวิ่งกลับบ้านไปตามลำพัง ทำให้ครอบครัวที่ให้ที่พักเป็นห่วงจึงแจ้งเหตุไปที่ตำรวจให้ช่วยออกค้นหา
ครอบครัวของลิแซนน์และคริสที่เนเธอร์แลนด์ไม่ได้รับการติดต่อจากลูกสาว 1 วันเต็มๆ ขณะที่ปกติแล้ว 2 สาวจะส่งข้อความถึงครอบครัวทุกวันเพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นห่วง วันที่ 3 เมษายน ตำรวจและชาวบ้านรวมกำลังกันออกค้นหา วันที่ 6 เมษายน ครอบครัวของลิแซนน์และคริสเดินทางมาถึงหมู่บ้านโบเกเตพร้อมกับนักสืบเอกชน พวกเขาตั้งเงินรางวัล 30,000 ดอลลาร์ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสได้ การค้นหาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบตัวลิแซนน์และคริส
อับสัญญาณ
10 สัปดาห์ผ่านไป เดือนกรกฎาคม 2014 หญิงชนพื้นเมืองคนหนึ่งนำกระเป๋าเป้มาส่งให้กับตำรวจ แจ้งว่าพบมันตกอยู่ในทุ่งนาใกล้กับหมู่บ้านอัลโตโรมีโร โดยบอกกับตำรวจว่าก่อนหน้าพบเป้ 1 วัน เธอก็เดินไปที่จุดเดียวกันนี้แต่ไม่เห็นเป้
ตำรวจเปิดเป้ออกก็พบแว่นกันแดด 2 อัน พาสปอร์ตของลิแซนน์ เงิน 83 ดอลลาร์ ขวดน้ำดื่ม เสื้อชั้นใน 2 ตัว กล้องถ่ายรูปของลิแซนน์ และโทรศัพท์ของทั้ง 2 คน เรื่องแปลกเรื่องแรกคือสิ่งของทุกชิ้นแห้งสนิทและยังใช้งานได้ดี ขณะที่สภาพอากาศในป่าค่อนข้างชื้นแฉะ
เมื่อตำรวจเปิดโทรศัพท์ก็พบเรื่องน่าตกใจ คริสพยายามโทร.หมายเลขฉุกเฉิน 112 เมื่อเวลา 16.39 น. วันที่ 1 เมษายน หลังจากเข้าป่าไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนั้นทั้งคริสและลิแซนน์พยายามโทร.หมายเลขฉุกเฉิน 112 และ 911 อีกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถต่อสายได้เนื่องจากอยู่ในจุดอับสัญญาณ
วันที่ 3 เมษายน พวกเธอล้มเลิกความพยายามโทร.ออก แต่มีการปิด-เปิดโทรศัพท์หลายครั้งเหมือนกับว่าพวกเธอเปิดเพื่อเช็กสัญญาณโทรศัพท์และปิดเพื่อเซฟแบตเตอรี่ ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน พวกเธอพยายามโทร.หมายเลขฉุกเฉินอย่างบ้าคลั่ง รวมแล้วมีความพยายามทั้งหมด 77 ครั้ง ก่อนที่โทรศัพท์จะดับไปอย่างถาวรเมื่อวันที่ 11 เมษายน
ภาพถ่ายปริศนา
สิ่งที่ชวนขนหัวลุกมากที่สุดคือภาพถ่ายในกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์ของ 2 สาว ก่อนหน้าที่ลิแซนน์จะพยายามโทร.หมายเลขฉุกเฉินครั้งแรกเพียงไม่กี่นาที พวกเธอถ่ายภาพตามปกติ หน้าตารื่นเริงสดใส ไม่มีวี่แววของความผิดปกติใดๆ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีลิแซนน์ก็พยายามโทร.หมายเลขฉุกเฉิน
หลังจากนั้นก็ไม่มีการถ่ายภาพอีกจนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน มีการกระหน่ำถ่ายภาพระหว่างช่วงเวลา 01.00-04.00 น. รวมทั้งสิ้น 90 ภาพ หรือประมาณ 1 ภาพทุก 2 นาที ภาพส่วนใหญ่เบลอหรือมืด มองไม่เห็นอะไรเลย ภาพที่เหลือก็เป็นภาพป่าในความมืด ดูเหมือนพวกเธอไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายภาพ เพียงแค่ต้องการเปิดแสงไฟแฟลชเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ภาพที่ประหลาดที่สุดเห็นจะได้แก่ภาพกระดาษชำระและกระจกเงาวางบนก้อนหิน ไม่รู้ว่าคริสและลิแซนน์พยายามจะทำอะไร และอีกภาพคือภาพถุงพลาสติกสีแดงหรืออาจเป็นกระดาษห่อลูกกวาดเสียบที่ปลายกิ่งไม้ ตำรวจเดาว่าพวกเธอพยายามทำเครื่องหมายขอความช่วยเหลือ ส่วนภาพประหลาดที่สุดของที่สุดคือภาพโคลสอัพกระหม่อมของคริสซึ่งดูเหมือนมีรอยคราบเลือด
ตำรวจส่งกำลังไปค้นหาคริสและลิแซนน์บริเวณที่ชาวบ้านพบกระเป๋าเป้แต่ก็ไม่พบอะไร ก่อนที่จะถอดใจทีมค้นหาพบกางเกงยีนส์ของคริสพับอย่างเรียบร้อยวางอยู่บนโขดหินริมลำธารห่างจากจุดที่พบกระเป๋าเป้ 2-3 กิโลเมตร
เหลือแค่กระดูก
ทีมค้นหาฮึดสู้ปูพรมตลอดแนวลำธาร พบเศษชิ้นส่วนกระดูกกระจัดกระจายทั่วพื้นที่รวมทั้งหมด 33 ชิ้น กระดูกชิ้นใหญ่ที่สุดคือกระดูกเชิงกรานพบหลังต้นไม้ใหญ่ริมลำธาร และกระดูกเท้าที่ยังคงสวมถุงเท้าและรองเท้าบู๊ท
จากการชันสูตรยืนยันว่าเป็นกระดูกของคริสและลิแซนน์ แต่ที่น่าแปลกคือกระดูกของลิแซนน์ยังคงมีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่บ้าง ขณะที่กระดูกของคริสนั้นขาวโพลนไม่มีชิ้นเนื้อเลย ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ไม่มีรอยขีดข่วนบนกระดูกของทั้ง 2 คนแม้แต่น้อย
ตำรวจไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการตาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเธอเสียชีวิตเองหรือถูกคนร้ายสังหารหรือถูกสัตว์ป่าขย้ำ ไม่รู้ว่าชายหนุ่ม 2 คนที่พวกเธอพบก่อนเดินทางเข้าป่าเป็นใคร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพวกเธอหรือไม่
อะไรเป็นสาเหตุให้พวกเธอเตลิดจนออกนอกเส้นทาง ทุกคำถามล้วนไม่มีคำตอบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพถ่าย 90 ภาพที่ไม่มีใครรู้ความหมายและจุดประสงค์ที่พวกเธอถ่ายภาพเหล่านั้น จะมีก็แต่เพียงเจ้าป่าเจ้าเขาเท่านั้นที่รู้ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของคริสและลิแซนน์
1.คริส เครเมอส์ และลิแซนน์ ฟรูน
2.ภาพถ่ายสุดท้ายก่อนที่ลิแซนน์จะโทร.หมายเลขฉุกเฉิน
3.พ่อแม่ของคริสและลิแซนน์บินมาตามหาลูกสาว
4.ประกาศให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส
5.กระเป๋าเป้และสิ่งของที่พบ
6.ส่วนหนึ่งของภาพถ่าย 90 ภาพ ถ่ายเมื่อวันที่ 8 เมษายน
7.ถุงพลาสติกเสียบปลายกิ่งไม้
8.ภาพโคลสอัพกระหม่อมของคริส
9.ภาพถ่ายในความมืด ไม่ทราบจุดประสงค์การถ่ายภาพ
10.รองเท้าของลิแซนน์มีกระดูกเท้ายังคงสวมถุงเท้า
You must be logged in to post a comment Login