วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

น้อมนำคำสอน…มาปฏิบัติ!!?? ยุบ(พรรค)หนอ.. พอง(พรรค)หนอ..

On August 30, 2019

คอลัมน์ :เรื่องจากปก

ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 30 สิงหาคม-6 กันยายน 2562)

คอการเมืองไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน” หัวหน้าพรรคและ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งเดียวจากพรรคประชาชนปฏิรูป ผู้ใช้สโลแกนบนป้ายตอนหาเสียงเลือกตั้งว่า น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ..” และเป็นหนึ่งเสียงที่ยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งนายกรัฐมนตรีตามรายชื่อแคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ

นายไพบูลย์เข้ามาการเมืองครั้งแรกๆโดยเป็นที่ปรึกษาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในยุคที่คุณหญิงเป็ดเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (คุณหญิงเป็ดเพิ่งถูกศาลฎีกาตัดสินเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้จำคุก 9 เดือน แต่รอลงอาญา ในคดีประพฤติมิชอบอำพรางใช้งบราชการไปทอดกฐิน) หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นายไพบูลย์ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง และได้เป็นที่ปรึกษาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งด้วย รวมถึงเป็นหนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว.สรรหา 2 สมัย ระหว่างปี 2551 และ 2557

ผลงานที่เข้าตากองเชียร์คนดีก็คือ เขาเป็นผู้ยื่นคำฟ้องอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กรณีที่มีการโยกย้าย “นายถวิล เปลี่ยนศรี” พ้นเลขาธิการ สมช. จนมีผลให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้อดีตนายกฯปูต้องตกเก้าอี้นายกฯรักษาการในช่วงที่เริ่มมีการชุมนุมเป่านกหวีด

หลังมีรัฐบาลจาก คสช. นายไพบูลย์ได้เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา เขาเป็นตัวเอ้ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลตู่ดำเนินการไล่ล่าพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จนเป็นข่าวใหญ่ที่ครองพื้นที่สื่ออยู่นานนับเดือน เพราะต้องใช้กองกำลังไม่น้อยบุกล้อมและเข้าค้นวัดพระธรรมกาย ก่อนที่จะจบลงแบบเลิกๆ แยกย้ายกลับบ้านกันดื้อๆ หลังจากที่ค้นหาตัวพระธัมมชโยไม่เจอ ส่วนจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆมหาศาลของวัด ยังไม่มีสื่อไหนออกมารายงานข้อมูลข้อเท็จจริงแบบเป๊ะๆ

เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ใกล้เคียงกับการนำสโลแกน “น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ” มาใช้หาเสียงให้กับพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์มากที่สุด

มาวันนี้เขากลับยื่นเรื่องขอยุบพรรคตัวเองเพื่อย้ายไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแน่นอนว่าเขามีเหตุผลว่าพรรคพลังประชารัฐนั้นก็น้อมนำคำสอน…มาปฏิบัติ จึงเป็นพรรคที่มีนโยบายไม่แตกต่างกัน

สังคมไม่ค่อยมีคนแปลกใจที่นายไพบูลย์จะย้ายไปอาศัยชายคาใน พรรคพลังตู่ป้อม แอนด์เดอะแก๊ง” ส่วนจะมี “วาระซ่อนเร้น” อะไรหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่น่าระทึกขึ้นมาทันที เมื่อนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ อดีต กกต. ที่โดนรัฐบาลยุค คสช. สอยร่วงหลุดจากตำแหน่งเมื่อครั้งเป็น กกต. ได้ออกมาตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า

“…เมื่อพรรคถูกยุบพรรคแล้ว ส.ส. ยังมีสถานะความเป็น ส.ส. อยู่ โดยจะต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน แต่จะมีปัญหากรณีที่ ส.ส. เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมาจากคะแนนรวมทุกเขตของทั้งประเทศที่ถูกนำมาคำนวณเป็นจำนวน ส.ส.พึงมี… คำถามคือ ส.ส. ดังกล่าวจะไปอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่เท่าใดของพรรคการเมืองใหม่ที่ไปสังกัด… ส่วนตัวเห็นว่าหากยุบพรรคของนายไพบูลย์แล้วจะต้องนำคะแนนของพรรคประชาชนปฏิรูปกว่า 45,000 คะแนนลบออก และนำไปคำนวณใหม่ ซึ่งนายไพบูลย์สามารถไปสังกัดเฉพาะพรรคที่จะได้ ส.ส.พึงมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่านายไพบูลย์ ต้องการจะไปอยู่พรรคนั้นหรือไม่ และพรรคนั้นจะยอมรับนายไพบูลย์หรือไม่ หากพรรคที่จะได้จำนวน ส.ส. เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐ…”

เมื่อเกิดคำถามปลายเปิดแบบนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ก็วิเคราะห์ข้ามกำแพงไปถึงพรรคข้างบ้านทันทีว่า จะเป็นเกมทดสอบระบบรัฐธรรมนูญ 50 แลก 1 หรือไม่?

หากเกิดการยุบพรรคจริงจะทำให้กรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพไปด้วย จะทำให้เรื่องคะแนนที่มีจะถือเป็นศูนย์ จะต้องนำคะแนนมาคำนวณกันใหม่ แล้วเมื่อคำนวณแล้วตัวเลขจะไปตกอยู่พรรคไหน.. ส่วนตัวกลับรู้สึกเป็นห่วงพรรคข้างบ้านที่มีจำนวน ส.ส. ทั้งหมด 81 คน ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน และ ส.ส.เขต 31 คน และหากมีการยุบพรรค คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่ออาจจะถูกนำมาคำนวณใหม่ ที่อาจจะทำให้บางพรรคได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นอีกถึง 40 คน… และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆจะยอมให้เกิดขึ้นหรือ”

แน่นอนว่าการวิเคราะห์แบบหวังดีแต่ชี้ช่องส่งผลร้ายย่อมกระทบถึงพรรคอนาคตใหม่ที่ต้องออกมาสวนกลับ จนพรรคเพื่อไทยต้องงดกินบัวลอยเผือกชั่วคราว และออกมาขอโทษขอโพยชี้แจงว่าเป็นเพียงความห่วงใย เพราะเป็นฝ่ายที่เคยโดนมาเยอะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดดราม่าออกไป เอาแต่เนื้อล้วนๆ ลองมาคิดกันดีๆ ไม่ว่าผลการตีความขององค์กรอิสระจะออกมาแบบไหน พรรคพลังตู่ป้อมฯก็มีแต่ได้กับได้

ถ้ายุบพรรคแล้ว ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ย้ายค่ายได้ บรรดา ส.ส.บัตรเขย่ง ส.ส.ปัดเศษ ส.ส.เอื้ออาทร ก็จะมีโอกาสย้ายมาซบอกพรรคพลังตู่ป้อมฯได้ทันที

แต่ถ้ายุบพรรคแล้ว ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หมดสมาชิกภาพตามไปด้วยจนต้องมาเกลี่ยคะแนนกันใหม่ด้วยเครื่องคิดเลขอันเก่า การวิเคราะห์ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็เป็นเรื่องที่ส่งผลสะเทือนลั่นไปทั่วได้ทันทีเช่นกัน

ใครยังจำได้ หลังจากตอนเช้าวันที่พรรคไทยรักษาชาติยื่นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯจนฟ้าแลบฟ้าร้องไปทั้งราชอาณาจักร ถัดไปไม่กี่นาทีพรรคพลังประชารัฐก็เสนอแคนดิเดตนายกฯชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถัดไปไม่กี่ชั่วโมงนายไพบูลย์ที่วันนั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาชนปฏิรูปก็ร้อง กกต. ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ สุดท้ายพรรคไทยรักษาชาติก็ตายทั้งกลมอย่างที่เห็น

ประเด็นการเสนอยุบพรรคตัวเองภายใต้สโลแกน “น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ” จึงเป็นเรื่องที่มิอาจประมาทได้

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด.. อะไรที่ไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดก็ยังเกิดมาแล้วมิใช่หรือ?

น้อมนำคำสอน…มาปฏิบัติ! ยุบ(พรรค)หนอ.. พอง(พรรค)หนอ..

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..

สัตว์การเมืองย่อมเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี!!??


You must be logged in to post a comment Login