วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

“เรืองไกร”ร้องผู้ตรวจฯ ส่งศาลวินิจฉัยเลือกตั้ง 24 มี.ค.เป็นโมฆะ

On April 9, 2019

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้เสนอความเห็นไปยังศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาเป็นโมฆะหรือไม่ และการกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากรายงานตัวเลขนับคะแนนเลือกตั้งจำนวนผู้มาใช้สิทธิยังมีตัวเลขที่ต่างกันจึงทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าผลการเลือกตั้งจาก 92,230 หน่วยอาจไม่ตรงกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวถูกสาธารณชน และพรรคการเมืองขอให้ กกต. เปิดเผยผลคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งโดยลงประกาศในเว็บไซด์เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบไม่ใช่ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตเป็นผู้ไปยื่นคำร้องและชำระค่าคัดสำเนาเอกสาร เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุค 4.0 ควรจะเลิกการใช้สำเนาทั้งนี้แม้ว่า กกต. จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 6 หน่วยเลือกตั้งใน 5 จังหวัดก็ยังไม่ทำให้สิ้นสงสัยกรณีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ และจำนวนบัตรแตกต่างกันอยู่ 9 คน

ส่วนกรณีผู้ใช้สิทธิและผลการนับคะแนนที่คลาดเคลื่อน หรือบัตรเขย่งตามที่สำนักงาน กกต. ชี้แจงว่าเกิดจากการยังนับคะแนนไม่แล้วเสร็จเป็นการนับคะแนนเพียงแค่ 90
เปอร์เซ็นต์แสดงว่าการนับคะแนนอาจไม่เป็นไปตามระเบียบ กกต. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 117, 120, 123 เพราะการนับคะแนนจะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องห้ามหยุดพัก

นอกจากนี้ กกต. ยังระบุว่าความคลาดเคลื่อนส่วนหนึ่งเกิดจากยังไม่ได้นำคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ารวมถึงเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรอีกกว่า 2 ล้านใบมานับรวมจึงมีเหตุสมควรให้ผู้ตรวจส่งเรื่องให้ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็วก่อนที่ กกต. จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคม

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีข้อมูลแตกต่างกันจากหลายฝ่าย และเมื่อตรวจสอบจากรายงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ตั้งแต่รายงานในชั้นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ก็ไม่พบตัวอย่างการคำนวณ ส.ส. ตามที่กล่าวอ้างกัน ดังนั้นการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจึงต้องเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา128, 129 เท่านั้น กรณีนำพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเป็นเศษไม่ครบจำนวนเต็ม และไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมีมาปันส่วนเพื่อให้ได้รับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วยจึงอาจไม่มีหลักการของกฎหมายใดมารองรับ

“เหตุที่เลือกมาร้องกับผู้ตรวจการแผ่นดินเพราะผู้ตรวจมีบทบาทต่อการวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะถึง 2 ครั้งในครั้งนี้อยากให้ผู้ตรวจแยกส่งให้ศาลปกครองวินิจฉัยกรณีที่ กกต. กระทำขัดต่อระเบียบและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ” นายเรืองไกรกล่าว

ด้านนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการฯ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หลังรับเรื่องทางสำนักงานจะเร่งตรวจสอบคำร้องทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงเพื่อส่งเสนอให้ผู้ตรวจฯ พิจารณาโดยเร็วว่าคำร้องของนายเรืองไกรอยู่ในอำนาจพิจารณาของผู้ตรวจฯ หรือไม่ และหากเข้าข้อกฎหมายจะต้องส่งเรื่องไปที่ศาลใดวินิจฉัย


You must be logged in to post a comment Login