วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

“สมคิด”ยันเลือกตั้งตามกำหนดไม่มีปฏิวัติ-ชี้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจดี

On February 14, 2019

ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวลือจะมีปฏิวัติ และปรากฏการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ส่งผลให้มีการยุบพรรค ว่า ยืนยันว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ตนได้ชี้แจงกับนักลงทุนต่างชาติแล้ว เข้าใจสถานการณ์ต่างๆของการเมืองไทยดี และเขาฉลาด ส่วนกรณีเรื่องการยุบพรรคการเมืองเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล

นายสมคิดได้แถลงภายหลังการประชุมงบประมาณรายจ่ายบูรณาการประจำปี 2563 แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท ว่า แผนงานงบประมาณปี 2563 ที่เป็นงบบูรณาการ 7 กระทรวง วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ไปปรับปรุงงบประมาณที่ได้รับประมาณ 5 พันล้านบาท ให้สอดคล้องกับนโยบาย เนื่องจากเมื่อพิจารณาแล้วเป็นงบฟังก์ชันหรืองบตามการบริหารปรกติ

ทั้งนี้ ให้เวลากระทรวงเกษตรฯ 2 วัน ไปปรับงบประมาณว่ากระทรวงเกษตรฯจะพิจารณาหนุนหรือส่งเสริมอะไร สินค้าอะไรที่จะยกเป็นตัวที่ชูการพัฒนาเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มเข้ามา เหมือนกับญี่ปุ่นที่จะคิดตลอดสายการผลิต โดยใช้สหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชน หรือบริษัทจำกัด ที่จะเข้ามาต่อยอด และหาภาคเอกชนเข้ามาช่วยส่งเสริมการผลิตในการรับซื้อผลผลิต ซึ่งต่อไปกระทวงเกษตรฯต้องคิดในเชิงนี้ และหากต้องใช้ระบบสหกรณ์มาก งบ 150 ล้านบาทไม่พอที่จะทำเรื่องใหญ่ก็ให้ไปพิจารณาใหม่

รองนายกฯกล่าวย้ำว่า การทำงานของ 7 กระทรวงต่อไปต้องทำแบบมีเป้าหมาย โดยต้องไปดูว่าตลาดต้องการอะไร เพราะปัจจุบันทำกันแบบไม่มีข้อมูล ให้ไปดูว่าสินค้าหลัก 2-3 ตัวที่ต้องดูมีอะไรบ้าง แล้วไปจับมือกับเอกชนและเกษตรกร เหมือนญี่ปุ่นที่สหกรณ์เขาเข้มแข็ง กระทรวงเกษตรฯต้องชี้เป้าได้ว่าจะทำอะไร ผลิตเท่าไรจะไม่ล้นตลาด และดึงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเข้ามาด้วยเพื่อสร้างรายได้ เพิ่มการแปรรูปผลผลิต ไปร่วมมือกับกระทรวงวิทย์ และที่สำคัญต้องไม่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชเชิงเดียว เบื้องต้นในการหารือสำนักงบประมาณเข้าใจ และ 7 หน่วยงานที่อยู่ในกลุ่มนี้เข้าใจแล้ว และควรจับมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ อย่าสะเปะสะปะ เช่น ยางพาราก็ต้องจับมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรื่องเวชศาสตร์ยาก็ต้องไปดูมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

นายสมคิดกล่าวอีก ว่ารัฐบาลเดินหน้าแผนปฏิรูปภาคเกษตร เพื่อต้องการให้ลดต้นทุนการผลิต และสินค้าไม่ล้นตลาด มีการต่อยอดเพิ่มมูลค่าสินค้า และขอให้ทุกกระทรวงช่วยกัน ถ้ารัฐบาลนี้กลับมาก็จะขอดูกระทรวงเกษตรฯอีก ไม่ปล่อยให้ใคร ซึ่งขณะนี้มาถูกทางแล้ว โดยเกษตรแปลงใหญ่สำคัญที่จะลดต้นทุนได้ หากเกษตรกรไม่ท ก็ให้ดึงภาคเอกชนมาช่วยและแบ่งประโยชน์กันภายใต้แนวคิดคือเกษตรกรต้องวิน วิน อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องมีความเสี่ยงน้อยที่สุด เราพูดแบบนี้มาตั้งแต่แรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาลและจะเป็นรัฐบาลต่อไปอีก กระทรวงเกษตรฯจะไม่ให้ใครดู เราจะดูของเราเองให้สานต่อโครงการที่เริ่มเห็นผลงานแล้วว่าดี คือตลาดนำการผลิต โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯเร่งส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนากว่า 9 แสนไร่

ด้านนายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะเดินหน้าเกษตรแปลงใหญ่จากความสำเร็จในเรื่องส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังนาสานพลังประชารัฐ โดยจะให้จัดหาที่ดินแปลงใหญ่แปลงละประมาณ 800 ไร่ ใน 6 ภูมิภาคๆละ 1 แปลง เพื่อส่งเสริมเกษตรกรให้ร่วมกันปลูกพืชหลักสำคัญที่ตลาดต้องการคือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และผัก เพื่อปรับเปลี่ยนจากการทำนาปรัง ทั้งนี้ การตั้งแปลงใหญ่ 800 ไร่ ไม่ได้เป็นการตั้งที่หวังสูงเกินไป เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรฯทำแปลงใหญ่ 500 ไร่ไม่สำเร็จ และลดลงเหลือ 300 ไร่ เพราะเป็นการร่วมกันเฉพาะชื่อเท่านั้น ยังต่างคนต่างทำต่างจ้าง แต่นโยบายของตนเองคือรวมจริงๆ ตั้งแต่การผลิตจนจำหน่าย ซึ่งจากโครงการข้าวโพดหลังนาที่ได้ดำเนินการขณะนี้คาดว่าจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 3 พันบาทต่อไร่ จะใช้โมเดลนี้เป็นต้นแบบในการทำสินค้าเกษตรตัวอื่น ซึ่งเชื่อว่าจะสำเร็จ


You must be logged in to post a comment Login