วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

หาเสียงคู่ขนาน

On January 28, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 ม.ค. 62)

อนาคตทางการเมืองของ “ลุงตู่” แม้จะทำให้ดูลี้ลับน่าค้นหา แต่ถือว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะในคำถามมีคำตอบที่ทุกคนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าคืออะไร และในความเป็นจริงความพยายามทำให้เป็นเรื่องน่าติดตามมีเป้าหมายเพียงให้อยู่ในกระแสที่คนพูดถึงชื่อพรรคพลังประชารัฐ ให้ประชาชนคุ้นหู ไม่หลงลืมเวลาเดินเข้าคูหาลงคะแนน ไม่ว่าท้ายที่สุดจะปรากฏชื่อเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯในบัญชีชื่อพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ แต่ด้วยอำนาจเต็มที่ถืออยู่ในมือไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ ยังปฏิบัติหน้าที่ ลงพื้นที่ช่วยพรรคหาเสียงเก็บแต้มจนถึงวันเลือกตั้งได้ แค่ระมัดระวังคำพูดนิดๆหน่อยๆป้องกันไม่ให้ถูกเอาไปร้องสอบเอาผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองแค่นั้น

ไม่ว่าจะเป็นข่าว 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐลาออกแน่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ไม่ว่าจะเป็นข่าว 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐจะลาออกพร้อมกันเร็วๆนี้

แต่จนถึงขณะนี้แม้จะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันเลือกตั้งชัดเจนแล้ว แต่ 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐก็ยังไม่ลาออก

ถามว่าท้ายที่สุดแล้วจะยอมลาออกหรือไม่

คำตอบก็คือคงลาออก

ถามว่าแล้วจะลาออกเมื่อไร

คำตอบคือน่าจะก่อนวันเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.

ถามว่าทำไมต้องรอจนนาทีสุดท้าย

คำตอบคือต้องการรักษาความได้เปรียบที่มีอยู่ในมือให้นานที่สุด ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่จะพูดในฐานะรัฐมนตรีที่กระทบไปถึงการสร้างความนิยมให้พรรคพลังประชารัฐ

เหมือนกับที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งอีกสถานะหนึ่งคือโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาพูดถึงผลงานของรัฐบาลทหาร คสช. ว่ามีมากมายจนพูดไม่หมด และก่อนเลือกตั้งจะพยายามปิดงานที่ค้างอยู่ให้ได้ ต้องเดินหน้าทุกโครงการให้เห็นผล

การยังมีสถานะเป็นรัฐมนตรีจึงมีความชอบธรรมที่จะพูดถึงผลงานของรัฐบาลทหาร คสช. และการออกไปหาเสียงในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐก็มีความชอบธรรมที่จะพูดถึงการสานต่อนโยบายของรัฐบาลทหาร คสช. เพราะยังมีสถานะความเป็นรัฐมนตรีอยู่

กรณีนี้ไม่ต่างอะไรกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ชักเข้าชักออกเรื่องอนาคตทางการเมือง แม้คนส่วนใหญ่เชื่อเหมือนกันว่า “ลุงตู่” ลงการเมืองแน่โดยมีเป้าหมายที่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง

ที่ “ลุงตู่” ยังไม่บอกสถานะตัวเองชัดเจน เพราะถ้าประกาศออกไปแล้วจะทำให้มีข้อจำกัดทั้งเรื่องการพูดและการกระทำ

ความที่ยังไม่ประกาศอนาคตทางการเมืองชัดเจนทำให้แม้ใกล้วันเปิดรับสมัคร ส.ส. ก็ยังสามารถลงพื้นที่โดยอ้างเรื่องไปตรวจราชการได้ โดยวันที่ 28 มกราคมนี้มีโปรแกรมลงพื้นที่จังหวัดสระบุรีเพื่อเป็นสักขีพยานมอบที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ให้แก่เกษตรกร 10 ราย และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลลักษณะแปลงรวม และมีโปรแกรมไปเยี่ยมชมสถานที่อีกหลายแห่ง

แม้จะบอกว่าไปทำงาน ถึงไม่พูดเรื่องการเมือง แต่การลงพื้นที่ที่จะมีประชาชนมาคอยต้อนรับ มารับฟังสิ่งที่นายกฯพูดช่วงนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการไปหาเสียง

ถึงเป็นการหาเสียงโดยไม่สังกัดพรรค

ถึงเป็นการหาเสียงโดยไม่เอาชื่อไปใส่ในบัญชีผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกฯของพรรคการเมือง

แต่ใครก็รู้ว่า “ลุงตู่” มีความเชื่อมโยงกับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อแกนนำพรรคประกาศทุกเวทีหาเสียงว่าจะสนับสนุน “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกฯ

ต่อให้ถึงที่สุดแล้วปรากฏชื่อ “ลุงตู่” ในบัญชีชื่อผู้ท้าชิงนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ “ลุงตู่” ก็ยังใช้ตำแหน่งหน้าที่ลงพื้นที่หาเสียงคู่ขนานไปกับพรรคได้ เพราะรัฐบาลยังมีอำนาจเต็มเหมือนปรกติ ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ

แค่ระมัดระวังคำพูดนิดๆหน่อยๆป้องกันไม่ให้ถูกเอาไปร้องสอบเอาผิดว่าใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองแค่นั้น


You must be logged in to post a comment Login