วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

นายกฯคนพิการขานรับ นโยบายกีฬา “เพื่อไทย”

On January 24, 2019

02

 
 
“ชูเกียรติ สิงห์สูง” นายกฯกีฬาคนพิการไทย ขานรับนโยบาย 6 ยุทธศาตร์ชูธงเรื่อง “กีฬา” สร้างความปรองดองคนในชาติของ “สารวัตรต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ พร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนเต็มที่ ชี้เป็น “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญของคนพิการทั้งประเทศ พร้อมมี 5 ข้อเสนอแนะให้ทุกอย่างดีขึ้นทั้งระบบ
 
จากกรณี “สารวัตรต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ที่ปรึกษาประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากพรรคฯให้เป็นผู้เสนอนโยบายเรื่องการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการกำหนดนโยบาย 6 ยุทธศาตร์หลักที่สำคัญเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย โดยเฉพาะคนพิการทั้งประเทศ และอดีตนักกีฬาทีมชาติ หรือ “ฮีโร่” ที่เคยสร้างชื่อเสียงและผลงานให้กับประเทศชาติแต่ไม่ได้รับการเหลียวแล ล่าสุด พ.ต.ท.กุลธน ได้ประชุมปรึกษาหารือเรื่องดังกล่าวนี้กับ นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชอุปถัมภ์ และคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เพื่อรับฟังปัญหาความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์เอาไว้
 
สำหรับการพบปะพูดคุยในครั้งนี้ “สารวัตรต้น” พ.ต.ท.กุลธน ได้สรุปเนื้อหาสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ทั้งหมด 6 ข้อให้ นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ ได้รับทราบเพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อดีและผลประโยชน์ส่วนรวมสูงสุดนั่นก็คือ ประเทศชาติ โดยเฉพาะนักกีฬาคนพิการทั้งทีมชาติ และปรกติธรรมดาทั่วไป ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความสนใจ หรือ การเหลียวแลจากรัฐบาลสักเท่าไหร่นัก ทั้งที่จริงงบประมาณในด้านนี้แต่ละปีมีจำนวนมิใช่น้อย แต่นำไปใช้ไม่ถูกทาง จึงทำให้คนพิการรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนที่จะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต หากไม่มีการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างจริงจังและต่อเนื่อง จึงทำให้ขาดโอกาสที่ดี
 
ขณะที่ นายชูเกียรติ เปิดเผยว่า จากที่ได้อ่านรายละเอียดยุทธศาตร์ทั้งหมด 6 ข้อนั้น ส่วนตัวรู้สึกยินดีและปลาบปลื้มแทนนักกีฬาคนพิการทั้งประเทศ ที่จะได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆให้ดีขึ้นกว่าอดีต เพราะตั้งแต่ตัวเองเป็นนายกสมาคมฯ ไม่เคยมีพรรคการเมืองไหน หรือ รัฐบาลใด จะมีแนวความคิดและให้ความสำคัญสนใจคนพิการเท่ากับพรรคเพื่อไทยเลย ทั้งที่จริงกลุ่มคนเหล่านี้น่าสงสารมาก เพราะไหนจะต้องต่อสู้กับปัญหาความพิการของร่างกายตัวเองมาตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งยังต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองเพื่อประทังชีวิตไปวันๆแล้ว ยังต้องแข่งขันเรื่องกีฬากับคนพิการต่างหาก ดังนั้นแต่ละคนกว่าจะพัฒนามาเป็นนักกีฬาคนพิการทีมชาติได้ สร้างชื่อเสียงและผลงานให้กับประเทศชาตินั้น มันลำบากยากเย็นแค่ไหน หากนโบายที่กล่าวมาของคนพิการสามารถเกิดขึ้นจริงเป็นรูปธรรม ตัวเองพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือด้วย โดยเฉพาะการเป็นกระบอกเสียงที่จะให้คนพิการด้วยกันให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
 
เวลานี้ตัวเองในฐานะนายกสมาคมกีฬาคนพิการฯ ได้เข้ามาดูแลสมาคมกีฬาต่างๆที่มีความพิการแตกต่างกันออกไปมากถึง 21 ชนิดกีฬา อาทิ กรีฑา, ว่ายน้ำ, ยิงธนู, ฟันดาบ, วีลแชร์บาสเกตบอล ฯลฯ จำนวนคนพิการที่เล่นกีฬาเพื่อร่วมแข่งขันมีมากเกือบ 1 หมื่นคน หากนับมวลรวมของคนพิการทั้งหมด ต่อประชากรคนไทยทั้งประเทศเฉลี่ยน่าจะมีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่า เมืองไทยมี 70 ล้านคน เอามาหารกับ 10 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่า มีคนพิการอยู่ประมาณ 7 ล้านคน ซึ่งถือว่า ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งทำอย่างไรจะให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีสวัสดิ์การไม่ด้อยกว่าคนปรกติธรรมดาทั่วไป ยกตัวอย่างง่ายๆเอาแค่ เงินรางวัลความสำเร็จจากการแข่งขันกีฬานานาชาติ ทั้ง ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ และ โอลิมปิกเกมส์ ก็น้อยกว่านักกีฬาปรกติธรรมดาแล้ว แถมการดูแลเอาใจใส่ก็ไม่เหมือนกับหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงส่งผลให้นักกีฬาเหล่านี้รู้สึกเป็นพลเมืองชั้น 2
 
นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนอแนะ 5 ข้อที่ตัวเองอยากให้แก้ไขเวลานี้คือ 1.ควรเพิ่มการแข่งขันระดับนานาชาติให้มีมากขึ้นทุกชนิดกีฬา 2. บำรุงดูแลและซ่อมแซมสนามกีฬาต่างๆที่มีอยู่ให้เหมาะสมเพื่อคนพิการ 3. ส่งเสริมให้คนพิการหันมาสนใจเล่นกีฬามากยิ่งขึ้น เพราะยังมีกลุ่มคนพิการที่ปิดตัวเอง หลบซ่อนอยู่ในบ้านไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัวต่อสาธารณะ 4. ปรับปรุงเงินรางวัลการแข่งขันนานาชาติให้เทียบเท่ากับคนปรกติทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ พ.ต.ท.กุลธน เป็นคนนำเสนอกับผู้ที่มีความเกี่ยวข้อง และ 5. สร้างศูนย์ฝึกกีฬาคนพิการให้เป็นของตัวเอง ทั้งแบบ อินดอว์ และ เอ้าส์ดอว์ สเตเดี้ยม เพื่อรองรับความสะดวกสบายของคนพิการในอนาคต 
 
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีก คือ เรื่องงบประมาณที่จะมาสนับสนุนกีฬาคนพิการนั้น มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลคนพิการคือ “กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” ซึ่งปัจจุบันมีเงินกองทุนกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท แต่มีอุปสรรค คือ ยังขาดการบริหารกองทุนที่มีประสิทธิภาพ และสิ่งสำคัญคือวัตถุประสงค์ของกองทุนไม่รวมถึงการใช้จ่ายเพื่อการกีฬา จึงอยากเสนอให้พรรคฯพิจารณาปรับปรุงวัตถุประสงค์ของกองทุนให้ครอบคลุมถึงการกีฬา ต่อด้วยการเสนอให้นโยบายกีฬาเพื่อคนพิการ บูรณาการเข้าไปยังนโยบาย Remember the Hero , กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และ World class spoer event ด้วย 
 
การพัฒนานโยบายการกีฬาเพื่อคนพิการของพรรคเพื่อไทยเข้าถึงกลุ่มคนพิการ จึงขอเชิญ “สารวัตรต้น” เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของสมาคมฯดังนี้ นำเสนอนโยบายและรับฟังความคิดเห็นจากแวดวงกีฬาคนพิการในการประชุมใหญ่ สมาคมกีฬาคนพิการฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์นี้
 
ทั้งนี้ นายชูเกียรติ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจำนวนคนพิการที่เล่นกีฬาเพื่อร่วมแข่งขันมีมากเกือบ 1 หมื่นคน หากรวมคนพิการ ซึ่งมี 10% ของประชากรไทย ก็จะมีประชากรคนพิการทั้งสิ้นเกือบ 7 ล้านคน ที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ซึ่งตนเองพร้อมคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาคนพิการ ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเป็นกระบอกเสียงที่จะให้คนพิการทั้งประเทศให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
 
ภายหลังการรับฟังข้อมูลจากนายกสมาคมกีฬาคนพิการ “สารวัตรต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ กล่าวแสดงความขอบคุณต่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่จะทำให้นโยบายของพรรคฯมีความสมบูรณ์ และตอบรับเชิญเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางสมาคมกีฬาคนพิการด้วยความยินดียิ่ง พร้อมยืนยันพรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนและยกระดับเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการในทุกมิติ
 
ในส่วนนโยบายกีฬาด้านอื่นๆ “สารวัตรต้น” พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ กล่าวว่ามีแผนการเดินสาย พบปะ พูดคุยแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งอดีต Hero ผู้นำในแวดวงกีฬา สื่อมวลชน นักวิชาการ เพื่อให้นโยบายการกีฬาของพรรคเพื่อไทยสมบูรณ์พร้อมรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
 
………………………………………………………………………………………….

You must be logged in to post a comment Login