วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ข้อเสนอปลดล็อก

On June 7, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

แม้อุปสรรคทางกฎหมายจะถูกเคลียร์หมดแล้ว แต่ยังมีหลุมบ่อเล็กๆที่ทำให้การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็พไม่สะดวก นั่นคือการไม่ยอมปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ในมุมผู้มีอำนาจมองเรื่องความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงเป็นหลัก จึงให้ใช้วิธียื่นขออนุญาตทุกครั้งและจะพิจารณาเป็นรายกรณีว่าจะเปิดไฟเขียวให้ทำได้หรือไม่ ขณะที่พรรคการเมืองมองว่าการติดพันธนาการทำให้ทำอะไรไม่สะดวก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง จึงมีข้อเสนอให้ปลดล็อกแล้วออกประกาศคำสั่งใหม่ เหมือนแก้กฎหมายจราจรให้แยกไหนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ แยกไหนห้ามตรงไป ตรงไหนห้ามจอด ห้ามกลับรถ ใครฝ่าฝืนถูกจับปรับ ไม่ต้องให้ คสช. ทำหน้าที่คอยโบก คอยห้าม หรือนั่งอยู่ในป้อมเพื่อกดสวิตช์ไฟเขียวไฟแดง

สัญญาณถูกส่งออกมาจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างชัดเจนแล้วว่าแม้การเมืองจะปรับโหมดเข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็พอย่างเต็มตัว แต่ยังไม่คิดแก้มัดให้นักการเมือง พรรคการเมือง ทำอะไรได้อย่างอิสระ

ทุกกิจกรรมที่จะทำ ไม่ว่าจะประชุมพรรค ปราศรัยหาเสียง จะต้องยื่นขออนุญาตเป็นกรณีไป ไม่เปิดให้ทำอะไรก็ได้อย่างที่ผ่านมา หากยื่นมาแล้วได้รับความเห็นชอบจึงจะทำได้ อะไรที่ไม่เปิดไฟเขียวให้ห้ามทำเด็ดขาด

เหตุผลข้ออ้างที่ไม่ยอมแก้มัดให้พรรคการเมือง นักการเมือง ยังเป็นเรื่องเดิมๆคือ กลัวว่าจะเกิดความสับสนวุ่นวายและปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้ง การหาเสียงทำได้เฉพาะการนำเสนอนโยบายเท่านั้น

การหาเสียงจะต้องอยู่ในกรอบที่กำหนด โดยต้องขออนุญาตเป็นครั้งๆไป แต่บางอย่างอาจไม่ต้องขอ การปลดล็อกต้องเป็นแบบนั้น บางอย่างต้องขอบางอย่างไม่ต้องขอ ซึ่งต้องหาวิธีในการกำหนดให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ก่อนจะไปถึงประชาธิปไตยตีกันเละ ตรงนี้จะมีใครรับรองกับผมได้บ้าง สื่อถ้ารับรองไม่ได้ก็ต้องพูดออกไป ไม่ใช่มากดดันรัฐบาลอยู่แบบนี้

เป็นคำกล่าวของ “บิ๊กตู่” ที่ฝากไปถึงนักการเมือง พรรคการเมือง

ส่วนการพูดคุยกันระหว่างพรรคการเมืองกับ คสช. นั้น ยังยืนยันตามกำหนดเดิมว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนภายในเดือนมิถุนายนนี้

เหรียญมี 2 ด้าน ทุกอย่างย่อมมีคนมองเป็น 2 มุมเสมอ

ในมุมของผู้มีอำนาจอาจมองในมิติเรื่องความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย แต่ในมุมของนักการเมืองย่อมมองในเรื่องความสะดวกในการทำกิจกรรม ไม่ต้องขออนุญาตทุกครั้งเวลาจะทำอะไร

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา และหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการให้ปลดล็อกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 57/2557 เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรค กำหนดนโยบายพรรค และเตรียมการทำไพรมารีโหวต หาตัวผู้สมัคร ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ที่สำคัญคือต้องรีบปลดล็อกเพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถแบ่งเขตเลือกตั้งได้ เพราะหากแบ่งเขตเลือกตั้งไม่ได้ พรรคการเมืองก็ไม่สามารถหาสมาชิกเพื่อตั้งสาขาเพื่อทำไพรมารีโหวตหาตัวผู้สมัครในเขตนั้นได้

ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์เหลือจำนวนสมาชิกที่ยืนยัน 97,755 คน ดังนั้น คสช. ควรปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อหาสมาชิกพรรคเพิ่ม ก่อตั้งสาขาพรรค เพื่อทำไพรมารีโหวตหาผู้สมัคร ส.ส. ต่อไป

นายองอาจเสนอว่า หาก คสช. เกรงว่าจะมีอะไรกระทบต่อความมั่นคง เมื่อปลดล็อกแล้วก็ให้ออกประกาศคำสั่งห้ามกระทำในสิ่งที่เป็นกังวลว่าจะกระทบความมั่นคง ส่วนอะไรที่ไม่กระทบควรให้พรรคการเมืองดำเนินการได้

ข้อเสนอของนายองอาจน่าจะดีกว่าการให้พรรคการเมือง นักการเมือง ต้องยื่นขออนุญาตก่อนทุกครั้งที่จะทำกิจกรรม และ คสช. จะพิจารณาอนุมัติเป็นรายกรณี เหมือนแก้กฎหมายจราจรให้แยกไหนเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ แยกไหนห้ามตรงไป ตรงไหนห้ามกลับรถ ใครฝ่าฝืนก็จับปรับ ไม่ต้องให้ คสช. ทำหน้าที่คอยโบก คอยห้าม หรือนั่งอยู่ในป้อมเพื่อกดสวิตช์ไฟเขียวไฟแดง

นับว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่ผู้มีอำนาจควรรับไปพิจารณา จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวและคอยตอบคำถามว่าทำไมอนุญาตพรรคนั้น ไม่อนุญาตพรรคนี้ ต้องการเตะตัดขาให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันหรือไม่


You must be logged in to post a comment Login