- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
เอสซีจีแถลงผลประกอบการไตรมาสแรกกำไร1.2หมื่นล้านชูดิจิทัลขับเคลื่อนนวัตกรรม

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาสกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2561มีรายได้จากการขาย 118,250ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไร 12,406ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 29จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของธุรกิจเคมิคอลซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นประกอบกับปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายเงินลงทุน
สำหรับผลการดำเนินงานของเอสซีจี นอกเหนือจากประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2561
เอสซีจีมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอาเซียน เท่ากับ 27,014 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 จากยอดขายรวม โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายในภูมิภาคอื่นๆ 20,075ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17จากยอดขายรวม
สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 มีมูลค่า 584,251ล้านบาท โดยร้อยละ 24เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1ในปี 2561แยกตามรายธุรกิจดังนี้
ธุรกิจเคมิคอลในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 มีรายได้จากการขาย52,867ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ3เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 8,135ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14จากไตรมาสก่อนและลดลงร้อยละ38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมลดลง
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 มีรายได้จากการขาย46,461ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 2,484ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 138จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และการขยายตัวของการดำเนินงานในภูมิภาคอาเซียน
ธุรกิจแพคเกจจิ้งในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 มีรายได้จากการขาย21,981ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ3จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,512ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ24จากไตรมาสก่อน เนื่องจากตลาดเติบโตต่อเนื่องและผลจากการซื้อกิจการ ขณะที่ลดลงร้อยละ10เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายสินทรัพย์
นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า “แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทั้งสภาพการแข่งขันที่รุนแรงทั้งในไทยและในภูมิภาค ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่าที่เข้ามากระทบ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2561 ของเอสซีจียังคงใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาจากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าสู่ลูกค้า (Passion for better) โดยเร่งผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนานวัตกรรม พร้อมนำเสนอโซลูชั่นครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้าทั่วอาเซียน
สำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของเอสซีจีในช่วงที่ผ่านมา เช่น การเปิดตัว“แอปพลิเคชัน HOME BUDDY”ที่เป็นช่องทางออนไลน์สำหรับปรึกษาปัญหา ค้นหาช่างหรือวัสดุเพื่อสร้างหรือซ่อมบ้าน ซึ่งเชื่อมต่อกับ SCG Online Store และ Digital Payment Solution เช่น SCG Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อและชำระค่าสินค้าหรือ“การนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้สำหรับการออกแบบติดตั้งหลังคาให้ลูกค้า”และการเปิดตัว“หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ” โดย SCG Eldercare Solution ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมพร้อมนวัตกรรมอื่นๆ เกี่ยวกับบ้านได้ใน“งานสถาปนิก’61” วันที่ 1-6 พ.ค. นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ส่วนโซลูชั่นใหม่ๆ ที่เอสซีจีส่งมอบให้ลูกค้า เช่น“โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ”(Floating Solar Solution) รายแรกของไทย หรือ “Total Packaging Solutions Provider”ที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ การผลิต และการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช้แล้วมา Recycle รวมทั้ง“SCG Express”ที่เตรียมขยายจุดบริการรับส่งพัสดุให้ลูกค้ารายย่อยแบบ One-Stop Service ในสถานีบริการน้ำมันกว่า 100 แห่ง โดยตั้งเป้าขยายจุดบริการครอบคลุมทั่วประเทศภายในกลางปีนี้
นอกจากนี้ เอสซีจี ยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) โดยเน้นร่วมมือกับลูกค้าหรือสถาบันชั้นนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งไตรมาสนี้ เอสซีจีมียอดขาย HVA 45,844ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม โดยใช้งบประมาณการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 1,206ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1ของยอดขายรวม
ส่วนการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนนั้นล่าสุดได้เข้าถือหุ้นเพิ่มเติมเป็นร้อยละ 50.9 ในบริษัทBinh Minh Plastics Joint Stock Companyซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายท่อและข้อต่อ PVC ชั้นนำทางตอนใต้ของเวียดนามและจัดตั้งTrading Company โดยเข้าถือหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัท PT Nusantara Polymer Solutionsในอินโดนีเซีย เพื่อจัดจำหน่ายเม็ดพลาสติกที่มีมูลค่าเพิ่มสูงซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้เจริญเติบโตได้ในอาเซียนรวมทั้งจัดตั้ง SCG Roofing Centerที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาวซึ่งเป็นศูนย์บริการหลังคา ฝ้า ผนังครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตลาดและเปิดโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศ AECอีกด้วย” นายรุ่งโรจน์ กล่าวในตอนท้าย
You must be logged in to post a comment Login