วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

วิธีเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบเมพขิงๆ

On March 29, 2018

คอลัมน์:โลกอสังหาฯ “วิธีเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบเมพขิงๆ”

โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย (โลกวันนี้วันสุข วันที่ 30 มีนาคม-6 เมษายน 2561)

“การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมือง แต่เรามีแนวทางการเลี่ยงภาษีแบบเมพๆ หรือเมพขิงๆ ได้เท่ ได้ดี มีแต่ได้ ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องเสียฟอร์ม ไม่ต้องมีภาระอะไร ตามแบบศรีธนญชัยในดินแดน “ตอแหลแลนด์” แดนกะลานั่นเอง มาลองดูวิธีเลี่ยงภาษีกันทั้งบ้าน ที่ดิน และการตั้งบริษัทมารับภาระภาษี (ว้าว) สบายสุดๆ”……..

ก่อนอื่นต้องรู้จักคำว่า “เมพขิงๆ” เสียก่อน เพราะเป็นศัพท์วัยรุ่น เป็นคำสแลงที่มาจากการเขียนผิดว่า “เทพจริงๆ” แสดงว่าสิ่งที่ผมจะแนะนำนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมายขั้นเทพจริงๆ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องเสียภาษี แถมไม่เสียฟอร์มอีกต่างหาก

tax

อันที่จริงผมสนับสนุนการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะเป็นแนวทางที่ดีในการมีภาษีมาพัฒนาประเทศ ภาษีนี้เป็นภาษีที่ดีเพราะเก็บในท้องถิ่น ใช้ในท้องถิ่น ไม่ต้องกลัวเงินหายกลางทาง หากเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม เก็บแล้วก็เข้าส่วนกลาง ส่วนกลางก็ส่งมาให้ท้องถิ่น ท้องถิ่นไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของภาษีก็ไม่รู้จักหวงแหน เกิดอาการ “วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง” ขึ้นมาทันที และบ่อยครั้งกลายเป็นปัญหาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทุกวันนี้ภาษีถึง 90% มาจากส่วนกลางส่งไปให้ ที่เก็บเองมีเพียงราว 10-15% เท่านั้น

บางคนอาจเถียงว่า ขืนใคร “เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง” ไปขวางการโกง อาจเจอ “ไข้โป้ง” ได้ เรื่องนี้ไม่ต้องกลัว ดูอย่างกรณีนักศึกษาออกมาเปิดโปงการโกงในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เมื่อเร็วๆนี้ หรือกรณีอื่นๆก็ยังอยู่รอดได้ อย่ากลัวเกินเหตุ บางครั้งอาจเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ แต่เมื่อประชาชนต่างตระหนักถึงสิทธิและรู้จักหวงแหนภาษีที่ตนเองเสียไป การโกงก็จะเกิดน้อยลง ประชาธิปไตยในท้องถิ่นก็จะพัฒนา เพราะท้องถิ่นมี “เสรีภาพ” ทางการเงินจากการเก็บภาษีเอง ไม่ต้องขึ้นต่อส่วนกลาง ส่วนกลางจะมาสั่ง “ซ้ายหัน ขวาหัน” ต่อไปอีกไม่ได้นั่นเอง

ถ้าจะเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผมมีข้อแนะนำแบบ “เมพๆ” หรือ “เทพๆ” เพราะนอกจากไม่ต้องเสียภาษีแล้วยังไม่ผิดกฎหมาย บางทียังอาจได้โล่ ได้รับคำชมเชยในฐานะบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเสียอีก เรียกว่ามีแต่ได้กับได้ แม้เป็นการเลี่ยงกฎหมายแต่ก็ไม่ผิดกฎหมายใดๆ นี่แหละครับประโยชน์ของการมีเทพแบบ “ศรีธนญชัย” ในประเทศไทย หรือบางคนเรียกว่าเราอยู่ในยุค “ตอแหลแลนด์” นั่นเอง

ทางที่เราจะพอทำได้ประกอบด้วย

1.อย่าซื้อบ้านที่มีราคาเกินกว่า 50 ล้านบาท ตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งมักต่ำกว่าราคาตลาด โดยทั่วไปราคาประเมินของทางราชการมักต่ำกว่าราคาตลาด คือมีมูลค่าเพียง 20-60% ของมูลค่าตลาด ดังนั้น ถ้าเรามีบ้านที่มีราคา 49 ล้านบาทตามราคาประเมินราชการ ก็เท่ากับราคาตลาดที่ 81-245 ล้านบาท หากไม่ใช่ “บ้านหลัก” เป็น “บ้านหลังที่ 2” ที่มีราคาประเมินที่ 49 ล้านบาท ก็จะเสียภาษี 0.02% หรือ 9,800 บาทต่อปี หรือเดือนละ 817 บาท สำหรับบ้านราคาตลาดที่ 81-245 ล้านบาท ถือว่า “ขี้ๆ” มาก “ขนหน้าแข้งไม่ร่วง”  ทำบุญหรือ “เลี้ยงเด็ก” หรือทิปนักร้องรวมๆกันยังมากกว่านี้

2.กรณีเป็นที่ดินเปล่า เราจะต้อง

2.1 เอาไปทำอย่างอื่นแทน อย่าให้มีสภาพเป็นที่ดินเปล่า เพราะที่ดินเปล่าต้องเสียภาษีหนัก เช่น เรามีที่ดินสัก 100 ตารางวาใจกลางเมือง เป็นเงินตารางวาละ 1 ล้านบาท ก็เท่ากับ 100 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการอาจจะราว 500,000 บาทต่อตารางวา ก็เป็นเงินที่ 50 ล้านบาท เราอาจต้องเสียภาษีปีละ 150,000 บาท แต่ถ้าเราเอามาทำกิจกรรมอื่น เช่น อยู่อาศัย หรือเกษตรกรรมอหรือเรียกให้เท่ๆว่า “Urban Farm” ก็เสียเพียง 0.01% หรือประมาณ 5,000 บาท ประหยัดไปถึง 145,000 บาท เอาไปซื้อความสุข เสพสุข เข้าแหล่งอบายมุข ยังได้ความสุขชั่ววูบอีกมหาศาล!?!

2.2 ถ้าเอาไปทำนาหรือทำเกษตรกรรมตามที่ยกตัวอย่างไว้ในข้อ 2.2 นั้น ต้องทำเอง อย่าให้ใครเช่าเด็ดขาด เพราะจะเข้าข่าย พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 (https://goo.gl/U2nGuC) ซึ่งอาจมีความยุ่งยาก ไม่สามารถนำที่ดินกลับคืนมาได้โดยง่าย

2.3 ควรปลูกพืชอายุสั้น เพราะจะรื้อไปทำประโยชน์ง่าย อย่าปลูกพืชระยะยาว เช่น ต้นสัก ซึ่งกว่าจะตัดมาใช้ประโยชน์ได้ก็อาจมีอายุ 30-50 ปี หรือต้นยาง กว่าจะใช้งานได้ก็ต้องมีอายุราว 7 ปี และมีอายุขัยทางเศรษฐกิจประมาณ 25 ปี เป็นต้น การปลูกพืชอายุสั้นจะทำให้เราสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ได้โดยง่าย ไม่สูญเสียทรัพยากรอะไรมากนัก

2.4 ให้หลวงใช้ประโยชน์ เช่น การใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อให้เป็นสนามฟุตบอลของเขต การใช้เป็นสถานที่ฝึกอาชีพของประชาชนตามที่อำเภอส่งเสริม หรือเป็นสถานที่เพื่อบริการประชาชนให้กับเทศบาลที่ที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ เป็นต้น ถือเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ไม่ต้องเสียภาษีใดๆเลยแม้แต่บาทเดียว อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทำสัญญาให้รัดกุม เช่น เป็นการให้ใช้ประโยชน์ต่อปี หรือต่อทุกไม่เกิน 3 ปี เพื่อจะได้ไม่มีผลผูกพันในระยะยาวจนเกินควร

3.ให้บริษัทถือครองแทนบุคคลธรรมดา เพราะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ ซึ่งก็เท่ากับไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมโดยเฉพาะกรณีที่ดินแปลงใหญ่ๆมาใช้กับบริษัทใหญ่ๆ เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายต่างๆได้เป็นอย่างมาก

นี่แหละคือการลด ละ เลิก เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบเมพๆ หรือแบบเทพๆ หรือแบบเมพขิงๆ (เทพจริงๆ) ไม่ผิดกฎหมาย ไม่เสียภาษี แถมยังได้หน้าได้ตา ได้อะไรดีๆอีกหลายอย่าง หรืออาจได้รับเกียรติยศอีกต่างหาก สบายไปแปดตลบ (ฮา) แต่จริงๆแล้วการเสียภาษีเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของเรานะครับ


You must be logged in to post a comment Login