วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

สส.วัชระจี้นายกฯปลด”ณัฐชาติ” เซ่นปมรถเมล์ฉาว

On March 16, 2018

อดีต สส.วัชระ เพชรทอง แฉหลักฐานเด็ดเปิดโปงกระบวนการโกงกินจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คันวงเงิน 4,261 ล้านบาท เป็นเอกสารถอดเทปรายงานการประชุมที่ ขสมก.ที่ใช้ลักไก่หลอกลวงรายงานเท็จต่อนายกรัฐมนตรีและสื่อมวลชน เรียกร้องให้ ตรวจสอบขบวนการโกงแบบล้างบางใน ขสมก.และให้มีคำสั่งปลด นายณัฐชาติ จารุจินดา ออกจากประธานบอร์ด ขสมก.เพื่อความโปร่งใส และต้องระงับสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้น ล่าสุดพบ ประธานฯโครงการจัดซื้อรถเมล์ ประธานและรองประธานตรวจรับรถเมล์และกรรมการบริหารบางคน เกี่ยวก้อยประธานบริษัทเอกชนคู่สัญญาบินนอกหวังเกี่ยเซี้ยถึงโรงประกอบรถเมล์ที่ประเทศจีน ชี้ไม่เหมาะสมอาจถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง?
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่13 มีนาคมที่ผ่านมา นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุรางวัลพระราชทานเทพทองสืบจากข่าว 100.5 อสมท.โดยนายสุวิทย์ บุตรพริ้ง และนายจตุพร สุวรรณรัตน์ 2 ผู้ดำเนินรายการ โดยนายวัชระ กล่าวถึงขบวนการทุจริตจัดซื้อถเมล์ NGV จำนวน 489 คันวงเงิน 4,261 ล้านบาท ว่าได้ไปยื่นหลักฐานเป็นบันทึกรายงานการประชุมบอร์ดของ ขสมก. ให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโดยตรงและได้มอบสำเนาให้พี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนงไปแล้ว เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ดของ ขสมก. และนายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. ที่รายงานต่อสาธารณะชนและรายงานต่อท่านนายกรัฐมนตรีที่ว่าบอร์ด ขสมก. มีมติเสียงข้างมากให้จัดซื้อรถเมล์ NGV นั้น เป็นรายงานเท็จ ตนได้อ่านโดยละเอียดแล้วพบว่า มีบอร์ดเข้าประชุมเพียง 6 ท่านคือ รศ.คณิต วัชระวิเชียร, ท่านสมศักดิ์ ประถมศรีเมฆ และทพล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ทั้ง 3 ท่านนี้บันทึกว่าไม่เห็นด้วย อีก 1 ท่านคือ รศ. พัชรา พัชราวนิช ลงมติงดออกเสียงก็เป็น 4 ท่านเหลือเพียงแค่นายณัฐชาติ จารุจินดา และ นายสมศักดิ์ ห่มม่วง 2 ท่านเท่านั้นที่เห็นด้วย แล้วจะเป็นมติเอกฉันท์ได้ยังไง ซึ่งตนสงสัยว่า ขสมก. ไปแถลงข่าวเป็นตุเป็นตะว่า บอร์ดมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 6 ต่อ 4 เสียงมันเป็นความเท็จล้วนๆ แต่ ขสมก.โดยนายประยูร ช่วยแก้ว ยังกล้ายืนยันส่งเอกสารชี้แจงเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 ที่ ขสมก. 153/2561 ถึงบรรดาสื่อมวลชน บอกว่าการประชุมรับรองการประชุมด้วยคณะกรรมการด้วยเสียงข้างมาก ตรงนี้เป็นพยานเอกสารราชการอันเป็นเท็จชัดเจน
นายวัชระ กล่าวต่อไปว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ แต่ ขสมก.ได้ลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายกับเอกชนไปแล้วตามกฏหมายก็ต้องถือว่าสัญญาเป็นโมฆะ แต่ตนยังสงสัยจริงๆว่าทำไม ขสมก. และนายณัฐชาติ จารุจินดา ถึงได้มีความกล้าหาญที่จะแถลงข่าวสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือมั่นใจว่ามีแบ็คดี หรือมั่นใจว่าในยุคที่ไม่มี สส.จากการเลือกตั้งมาตรวจสอบการทำงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจก็จะสามารถดันทุรังพูดกลับดำเป็นขาวกลับขาวเป็นดำได้สบายๆ  หรือคิดว่าไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบครับ ถ้าหากท่านพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ าคสช.ยังทำนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งๆ ที่ผมได้ส่งหนังสือไปถึงท่านโดยลำดับแล้ว ในอนาคตถ้ามีการสอบสวนพลเอกประยุทธ์ ท่านก็ต้องรับผิดชอบ แถมวันนี้ยังเร่งรัดนำรถเข้ามาแล้วก็ต้องจับตากันต่อว่า รถดังกล่าวมีองค์ประกอบครบถูกต้องตามทีโออาร์.และสัญญาจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ ผมในฐานะผู้แทนนอกสภาฯเป็นอดีต สส.ซึ่งมีความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ในเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่ทำหน้าที่ สส.สว.ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ผมก็ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
อดีต สส.เปิดเผยยังว่า ในบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด) ครั้งที่ 16/60 วันที่ 20 ธันวาคม 2560 พบว่า ในหน้าที่ 18 ประธานหมายถึงนายณัฐชาติ จารุจินดาพูดว่า สรุปว่ารับรองมีข้อสังเกตของคณะกรรมการกำกับก็ดีนะครับ รศ. คณิต,นายสมศักดิ์ ประถมศรีเมฆ ขอให้บันทึกว่าไม่เห็นด้วย ตรงนี้คือคำพูดของนายณัฐชาติ บอกว่า รศ.คณิต, นายสมศักดิ์ ประถมศรีเมฆ ขอให้บันทึกว่าไม่เห็นด้วย แล้วท่านประสิทธิ์ ก็ได้พูดต่อครับ ท่านประสิทธิ์ซึ่งเป็นพลตำรวจตรีที่น่าเคารพยกย่องมากครับ นานๆผมจะได้เห็นนายพลตำรวจที่รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ท่านพลตำรวจตรีประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ท่านก็พูดต่อเลยนะครับผมก็ไม่เห็นด้วย ประธานนายณัฐชาติ ก็บอกว่ าเพิ่มท่านประสิทธิ์ บันทึกท่านประสิทธิ์เป็น 3 ท่าน แล้วก็พูดเรื่องอื่นไป สุดท้ายท่านอาจารย์พัชรา นะครับ ในหน้าที่ 20 ท่านอาจารย์พัชรา พัชราวนิช ท่านก็บอกว่างดออกเสียง ก็เหลือเพียง 2 ท่านที่เห็นชอบกับคือนายสมศักดิ์ ห่มม่วง นายณัฐชาติ จารุจินดา
“เมื่อหลักฐานชัดเจนอย่างนี้ทำไมทีมงานเสนาธิการของท่านพลเอกประยุทธ์ ยังไม่ลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ เรื่องนี้ทำประเทศชาติเสียหาย ผมมองว่ามันเสียหายก็คือว่าประการที่ 1 ครับ รถเมล์ 489 คันเดิมเคยประมูลได้ 3,800 ล้านบาท พอมาในยุค คสช. มันพุ่งปรู๊ดๆ ราคามันสูงขึ้นถึง 4,261 ล้านบาท แล้วไม่ได้ประมูลนะครับ ใช้วิธีการตกลงราคาตรงนี้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ฟรีๆทันทีครับ 461 ล้านบาทบวกกับค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งขึ้นอีก 700 ล้านบาทรวมๆประเทศชาติเสียหาย 1,200 ล้านบาททำไมมันแพงกว่าเดิม ทำไมไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ในขณะที่พี่น้องประชาชนหาเงินด้วยความยากลำบาก แล้วสัญญาที่เกิดขึ้นก็ดี คุณสมบัติของรถหรือว่ารถที่เข้ามาก็ดี คุณสมบัติถูกต้องตามทีโออาร์และสัญญาหรือไม่”
“เรื่องระดับชาติแบบนี้ ต้องให้ท่านนายกฯ ประยุทธ์ ลงมาตรวจสอบให้ชัดเจนกรณีนายณัฐชาติ จารุจินดา ในฐานะประธานบอร์ด ขสมก.กล้ากระทำการโกหกต่อท่านนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. โกหกต่อประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้นในเบื้องต้นขอให้ปลดนายณัฐชาติ ออกจากตำแหน่งไปก่อน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความโปร่งใส รวมถึงเรียกร้องให้มีการระงับสัญญาจัดซื้อครั้งนี้ไว้ก่อน เนื่องจากมีประเด็นการโกงชาติมาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน  ขอให้การโกงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ในครั้งนี้ เป็นวาระแห่งชาติ และ ปปช.ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับรู้ โดยเฉพาะคน กทม. จะได้รู้สึกว่า ขสมก.เป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาล ไม่ใช่องค์กรที่มีแต่อิทธิพลและใบสั่ง และคอยเป็นแหล่งดูดเงินให้กับข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมืองบางคน”นายวัชระกล่าวในที่สุด
ขณะที่นายสุวิทย์ บุตรพริ้ง ผู้ดำเนินรายการรางวัลพระราชทานเทพทองหมาดๆกล่าวว่า ล่าสุดตนได้รับเอกสารจากแหล่งข่าวผู้หวังดี เป็นเอกสารที่มีผู้อนุมัติตัวเงอและแต่งตั้งรักษาราชการให้ตัวเองเพื่อที่จะได้เดินทางไปประเทศจีน ระหว่างวันที่ 11 – 16 มีนาคม ไปดูงานโรงงานผลิตรถโดยสารเจียงซี กามาร์ จํากัด ที่เมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี รวม 3 ท่านปรากฏว่า คนแรกที่อนุมัติตัวเองคือประธานคณะกรรมการโครงการจัดซื้อรถโดยสาร NGV คนที่สองและสามเป็นประธานและรองประธานคณะกรรมการตรวจรับรถโดยสาร NGV นอกจากนี้ยังปรากฏพบว่ามีอีก 2 ท่าน เดินทางไปที่เดียวกันแต่คนละเที่ยวโดยเที่ยวบินที่ SL80T ผู้เดินทางคือหนึ่งในกรรมการบริหาร(บอร์ด)ที่โหวตที่เห็นด้วย 2 คนกับประธานบริษัทใหญ่ที่เป็นคู่สัญญากับ ขสมก. ตามตั๋วเดินทางไปที่หนานชาง ส่วนตัวท่านประธานใหญ่ ขสมก.สุดยังอยู่ที่มาเก๊า คำถามมีว่า คณะผู้บริหาร ขสมก.กับประธานบริษัทเอกชนคู่สัญญาไปทำไมกันที่หนานชางในประเทศจีน
เรื่องนี้คงต้องตรวจสอบ ทีโออาร์และสัญญาว่า โรงงานประกอบรถเมล์ที่ระบุในสัญญาว่า ใช้สถานที่ใดเป็นโรงงานประกอบรถเมล์ล๊อตนี้จะเป็นที่ หนานชาง ที่ขอนแก่นหรือที่ชลบุรี เพราะตรงนี้คือสาระสำคัญถ้าระบุเป็นเมืองไทยแล้วพวกท่านๆจะไปทำไมให้เป็นที่ครหารวมถึงเรื่องความเหมาะสม ผู้บริหารของ ขสมก.กับเจ้าของบริษัทคู่สัญญาเดินทางออกนอกประเทศด้วยกัน มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่? ในฐานะสื่อมวลชนขอเรียกร้องให้ ขสมก.ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องนี้พร้อมทั้งเปิดเผยบันทึกการประชุมทั้งสองวาระ เพื่อความโปร่งใสของ ขสมก.เอง หากถูกต้อโปร่งใสจริงไม่เป็นตามข้อกล่าวหาสื่อมวลชนและประชาชนจะปรบมือให้ท่านและจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีแก่ ขสมก.ในยุคปราบโกง ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ไม่มีการทุจริตอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว


You must be logged in to post a comment Login