วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ถวายฎีกา / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On March 8, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

มีคนถามว่าทำไมพระพยอมไม่จบไม่สิ้นกันสักทีเรื่องที่ดิน “โฉนดถุงกล้วยแขก” ก็คงไปตามโอกาสแรงจูงใจที่ทำให้ถวายฎีกา เพราะวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้พิพากษาหญิงจำนวนมากเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 และมีรับสั่งตอนหนึ่งที่โดนใจ สะดุดใจ สะกิดใจให้อยากยื่นถวายฎีกา เพื่อให้พระองค์มีพระเนตรพระกรรณทราบเรื่องกฎหมายบ้านเรา ท่านมีพระราชดำรัสว่า ขอผู้พิพากษารู้ว่า กฎหมายมันลึกซึ้ง ใช้ดีก็ดีก็ได้ดี ถ้าใช้ไม่ดีก็เป็นผิด เป็นโทษต่อประชาชนได้

ประโยคที่โดนใจมากที่สุดคือ อย่าใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายไปทำร้ายประชาชนที่เขามีทุกข์มีร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์  ก็มีคนมาพูดให้ฟังว่าน่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะพระองค์ภาทรงเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายและรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนด้วยพระองค์เอง ทำให้เห็นว่า เมืองไทยเราไม่ได้ไร้ที่พึ่ง สามารถถวายฎีกาให้พระองค์ทรงรับทราบ เราก็จะได้ความยุติธรรม ความเป็นธรรม ไม่ใช้เอาช่องโหว่ทางกฎหมายมาทำให้ชนะ

เหมือนคดีโฉนดถุงกล้วยแขกที่ นางวันทนา สุขสำเริง ที่ศาลสั่งให้ออกโฉนด กรมที่ดินก็ออกโฉนดให้แล้วเอาขายให้กับทางวัดและมูลนิธิ มูลนิธิซื้อเพื่อให้คนยากจนทำมาหากิน ไม่ได้ซื้อเพื่อวัด เพื่อมูลนิธิ เพราะที่ดินเป็นปัจจัยฐานการประกอบอาชีพที่วัดจัดตั้งกองทุนสัมมาชีพ ให้คนจนทำทั้งด้านการเกษตร พาณิชย์ หรืออุตสาหกรรมแปรรูปต่างๆ จ่ายเงินแล้วไม่ได้ที่ดิน จะพูดจะวิจารณ์อะไรก็มีคนเตือนว่าระวังจะหมิ่นศาล ทั้งที่เรื่องนี้คิดตามหลักตรรกะ ศาลชั้นต้นที่สั่งให้ออกโฉนด เพราะมีการไปขอและกรมที่ดินก็ออกโฉนดให้ แต่กลับมีทายาทเดิมมาร้องศาลว่าเป็นที่ดินของตนเอง ศาลก็รับฟ้อง ทั้งๆที่เป็นคดีมันจบสิ้นเด็ดขาดไปนานแล้ว รัฐธรรมนูญก็ไม่มีมาตราไหนระบุว่าถ้าศาลชั้นต้นตัดสินเด็ดขาดไปแล้ว ศาลจะรับฟ้องใหม่ได้อีก

เมืองไทยเราคดีล้นศาล เพราะเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือไม่ คดีก็กลับมาฟ้องใหม่ คดีใหม่ก็ไหลเข้ามา คนที่รู้เรื่องกฎหมายก็โทรมาถามมาบอกว่าแบบนี้ไม่ถูก แต่ไม่รู้อะไรจริง อะไรไม่จริง  ตอบกันแบบเละเทะ เหมือนคดีฆ่าเสือดำที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยเชื่อว่าคนทำผิดจะถูกลงโทษ อาตมาก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ดินนี้จะเป็นเหมือนคดีครูจอมทรัพย์หรือหวย 30 ล้านหรือเปล่า ทั้งที่ที่ดินก็ออกโฉนดโดยกรมที่ดิน

ถ้าอาตมาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วปล่อยให้เกิดความสูญหายแบบนี้ ก็เท่ากับบกพร่องในหน้าที่หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้อง เงินที่ซื้อที่ดินก็บริจาคมาด้วยศรัทธาของประชาชนในโครงการกองทุนสัมมาชีพ เพื่อให้คนยากจนยากไร้ทำมาหากิน ไม่ได้ซื้อเพื่อเป็นที่ดินของอาตมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเมืองไทย เศรษฐีมักจะชนะคดีที่ดินมากกว่าคนจน คือคนจนมีแต่แพ้ เห็นแต่กรณียายสม ยายไฮที่ชนะเพราะสู้ยิบตา สู้จนกระทั่งเสียชีวิตจนได้รับการเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม  แต่วัดสวนแก้วไม่ได้รับการเยียวยาอะไรเลย เสียไปเปล่าๆฟรีๆ นอกจากไม่ได้รับการเยียวยาแล้ว เรายังต้องมาเห็นคนแก่ติดคุก 3 ปี คนที่เกลี่ยกล่อมให้เซ็นเป็นเช่าก็ติดคุกอีก 3 ปี ตอนนี้คนแก่ออกมาก็นอนติดเตียง

ดังนั้นที่พูดกันว่าพระพยอมไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้หน่วยงานราชการทุกระดับโกงกันไปหรือไม่  ถ้าอาตมาไม่ทำก็คงอาย “น้องแบม” ที่ออกมาแฉเรื่องโกงเงินคนยากจนไร้ที่พึ่ง คนพิการ

อาตมาไม่ได้เป็นมนุษย์โหลยโท่ยที่ไม่มีความเมตตากรุณา แต่ก็ไม่นิ่งดูดายนิ่งเฉยคนที่ทำผิดทำชั่ว หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็บอกว่าพระอรหันต์จะต้องไม่นิ่งเฉยดูดาย ต้องถึงพร้อมด้วยความขวนขวายเพราะกรุณา จึงขอชี้แจงว่าที่ทำไปก็ทำตามหน้าที่และทำตามที่บ้านเมืองเรามีที่พึ่ง อย่างที่ทรงตรัสว่าอย่าใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเอารัดเอาเปรียบหรือทำร้ายคนยากคนจน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login