วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ถึงเป้าหมายเมื่อทุกสิ่งเปลี่ยนไป / โดย Pegasus

On March 5, 2018

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน

ผู้เขียน : Pegasus

ใช้เวลากว่า 10 ปี ทำลายล้างประชาธิปไตยและตระกูลชินวัตรด้วยการต่อยอยู่ข้างเดียว ใช้วิธีการใต้เข็มขัดทุกรูปแบบ อ้างเป็นการทำความดี มาบัดนี้สิ่งต่างๆเริ่มปรากฏชัดขึ้นแล้วว่ากลุ่มคนดีนั้นดีจริงไม่ หรือเป็นแค่กลุ่มก๊วนทางการเมืองเท่านั้นเอง

เดิมคนเหล่านี้ได้รับการปกป้องจากทหาร เพราะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ทหารเองก็โดนหลอกให้เข้ามาสู่วังวนทางการเมืองโดยละทิ้งหน้าที่ของตนจนถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่เฉพาะภายในประเทศ แต่ยังอับอายไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของทหารการเมืองที่อ้างว่ารู้ทุกอย่างแม้ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร จึงพร้อมที่จะโกหกและปกปิดความผิดได้ตลอดเวลา

มาบัดนี้คำหลอกลวงว่าหากมีการรัฐประหารสำเร็จ ทหารจะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ทั้งที่หลายเรื่องไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย ไม่ว่าจะพิจารณาทางประเพณี การปกครอง สิ่งแวดล้อมจากนานาชาติ แต่ยังหลอกทหารชั้นล่างๆให้ร่วมทำรัฐประหารได้ ทั้งที่แท้จริงคือความโลภในอำนาจของคนไม่กี่คน ซึ่งขณะนี้เวลาก็พิสูจน์แล้วว่าได้อะไรไปบ้างโดยไม่ต้องมีหลักฐาน

เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาได้สอนว่า องค์กรต่างๆที่เคยถูกหลอกให้มาสนับสนุนการรัฐประหารและเผด็จการเริ่มรู้ตัวแล้วว่าการดื้อดึงดันไปเช่นนี้มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง การคืนอำนาจให้ประชาชนโดยรวดเร็วต่างหากที่เป็นทางออกที่ถูกต้อง ให้การเมืองแก้ปัญหากันเอง

พรรคการเมืองใดขี้แพ้ก็ต้องกลับไปทบทวนนโยบายใหม่เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสนับสนุน ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะซื้อแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังไม่ได้คะแนนเสียงอีกด้วย

ส่วนรัฐธรรมนูญและกฎหมายล้าหลังที่ผลักดันให้ออกมาในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะมีการแก้ไขปรับปรุงกันขนานใหญ่เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจในการปกครองตัวเองอย่างแท้จริง เกิดความยุติธรรม ความปรองดองก็จะเดินตามความยุติธรรมเอง ใครก่อกรรมอะไรไว้ก็ต้องชดใช้กันไป

แต่หากดึงดันไม่ยินยอมโดยง่าย การใช้กำลังก็อาจเกิดขึ้น ไม่มีใครทราบว่าใครหรืออะไรจะเป็นผู้กระทำให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การหาทางออกโดยสันติเป็นทางเลือกแรกที่ดีที่สุด

ดังนั้น การใช้วิธีพูดจาเพื่อลดความดึงดันและถอนตัวไปโดยดีจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเวลานี้ เหมือนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากรัฐบาลบริหารไม่ได้ก็ยุบสภาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ ไม่เหมือนเวลานี้ที่ประชาชนไม่มีสิทธิจะแสดงความคิดเห็นใดๆเลย ทำให้โอกาสที่จะเกิดความรุนแรงมีมากขึ้น จึงอยู่ที่ชนชั้นนำจะตกลงกันเองให้ได้ หากยังดื้อดึงดันไม่ยอมก็มีแต่จะเดินไปสู่ความรุนแรงเท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายอำนาจก็จะกลับคืนสู่ประชาชนอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆนี้ เพราะวันนี้ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว องคาพยพของอำนาจต่างๆเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง หมายถึงสิ่งที่ประชาชนได้ต่อสู้บาดเจ็บล้มตายมาจำนวนมากนั้นไม่ได้เสียเปล่า แม้จะไม่มีส่วนโดยตรงกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่การต่อสู้อย่างไม่ท้อถอยของประชาชนคือพลังสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการต่อสู้วันนั้นก็จะไม่มีวันนี้

สุดท้ายเผด็จการก็ต้องพ่ายแพ้ต่อประชาชน ประชาชนจะเดินหน้าไปตามวิถีประชาธิปไตย เพื่อจะกลับมาเดินหน้าประเทศให้ทันประเทศอื่นๆที่แซงหน้าไปไกล ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้หรืออินเดีย


You must be logged in to post a comment Login