- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 4 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 4 months ago
- โลกธรรมPosted 4 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 4 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 4 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 5 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 5 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 5 months ago
ความเท็จกับคนโกง / โดย พระพยอม กัลยาโณ

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
ที่มีข่าวว่าเรื่อง “โฉนดถุงกล้วยแขก” พระพยอมจะจบกันหรือไง ที่มีจบเพราะตามขั้นตอนของกฎหมายยังมีอุทธรณ์และฎีกาอีก คดีความก็เป็นไปตามโอกาสที่กฎหมายมีให้ เพราะถ้าทำอะไรแล้วทำไม่ถึงที่สุด ครึ่งๆกลางๆ คนก็จะกล่าวหานินทาว่าใจเสาะเปราะบาง ทำอะไรไม่จริงจัง ทิ้งๆขว้างๆ
ที่สุดทางกฎหมายนี่มันเป็นความจริง หรือกฎหมายกับความจริงมันเป็นคนละเรื่องกัน เราก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ หากคนเราไม่รู้เรื่องกฎหมายเลย มันก็ไม่ฉลาด จึงต้องติดตามฟังคดีเขาบ้าง คดีต่างๆที่ขึ้นโรงขึ้นศาลก็สามารถจะเรียนรู้ได้
อาตมาเองไม่ได้ขึ้นศาลกับเขาในลักษณะที่ไปให้การอะไรอย่างที่คนทั่วไปทำ เพิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกแล้วก็รู้สึกได้หลายอย่าง เห็นเทคนิคของทนายฝ่ายตรงข้าม วาทกรรมความพลิ้วต่างๆเรียกว่าเป็นการสร้างบรรยากาศให้คู่ความฉงนหรือสับสน แล้วพวกตีนโรงตีนศาลนี่ก็จะพยายามเข้ามาให้คำแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาเองก็เข้าใจถึงคำแนะนำของผู้รู้ทางกฎหมาย อย่างที่เขาแนะนำว่า หลวงพ่อยังไงก็ต้องได้คืนแน่เพราะซื้อมาอย่างโปร่งใส จ่ายเงินถูกต้อง นี่ปรมาจารย์ทางกฎหมายบอกเลยนะ หรือมีคนใหญ่คนโตที่รู้ดีเรื่องกฎหมายก็บอกอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผู้รู้จริงกับความเป็นจริงมันก็ไม่ได้มาเจอกันเท่าไร ได้แต่รู้แล้วก็มโนกันเอาเอง
อย่างที่แนะนำว่า ทำไมไม่ฟ้องคนขายคือนางวันทนา สุขสำเริง อาตมาก็เห็นว่าจะฟ้องยังไง เมื่อแกก็เปื่อยหมดแล้ว แกก็ถูกตุ๋นจนเปื่อย หลอกให้เซ็นว่าเป็นการให้เช่า ทั้งที่หลักฐานการเช่ามันเป็นเท็จ ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง เพราะเจ้าของที่ดินเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว สัญญาให้เช่าก็มาร่างกันขึ้นมาเพื่อเอาชนะ แต่ยังโชคดีที่เราไม่ได้ฟ้องเพื่อเอาชนะ ที่อุทธรณ์ก็เพื่อให้รู้ว่าถึงที่สุดแล้ว บรรทัดฐานของกฎหมายจะเป็นอย่างไร หรือจะเอาแต่ตัวบทกฎหมาย ไม่ดูเจตนาของกฎหมาย ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพียงเพื่อจะเอาเปรียบอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
ที่น่าศึกษาที่สุดและเพิ่งรู้คือ การขึ้นศาลจะว่าผิดเลยทีเดียวก็ไม่ได้ จะว่าถูกทั้งหมดก็ไม่ใช่ แต่มันขึ้นอยู่ว่าใครป้อนข้อมูลให้ศาล ใครแต่งเรื่องให้ศาลพิจารณาเชื่อได้มากกว่ากัน เหมือนทนายของนางวันทนาแต่งเรื่องให้ศาลเชื่อว่าควรจะออกโฉนด ศาลก็สั่งกรมที่ดินให้ออกโฉนด แล้วไม่นานก็มีคนแย้ง ศาลชุดเดิมก็สั่งให้ถอนสิทธิออกจากโฉนดนั้น วนไปวนมา จะเหมือนอย่างที่โบราณบอกว่า “ไม้หลักปักขี้เลน” หรือเปล่าไม่รู้ แทนที่จะเป็น “หลักเกณฑ์” ที่ชัดเจนแน่วแน่ ก็ผันแปรไปตามเหตุการณ์ เอาหลักอะไรไม่ได้ เขาบอกว่าเพราะยังไม่มีคนแย้ง
ที่สำคัญที่สุดคือการปั้นทนายหรือพยานเท็จขึ้นมาเพื่อต่อสู้ ก็มีข่าวให้เห็นมามากต่อมากแล้ว แต่อยากฝากคำเดียวสั้นๆว่า ถ้าเรื่องเท็จยังอยู่ในบ้านเมืองเรามากมาย ก็คงเป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลใดที่กล่าวเท็จแล้วจะไม่ไปทำชั่วอย่างอื่นอีกนั้นไม่มี” บ้านเมืองใดที่ปล่อยให้เรื่องเท็จเป็นใหญ่ ความชั่วอื่นๆก็จะตามมาอีกมาก
เพราะฉะนั้นถ้าจะกำจัดความเท็จ ไม่ทนต่อความเท็จ อย่างที่บอกว่าเราจะไม่ทนต่อคนโกงบ้านโกงเมือง ก็จำเป็นต้องจัดการกับพวกโกงบ้านโกงเมือง คนที่พูดเท็จ สร้างเอกสารเท็จ ให้การเท็จ ฯลฯ ถ้ายังปล่อยให้เรื่อง “แหวนเพชรแม่ นาฬิกาเพื่อนให้ยืม” ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความเท็จก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง กลายเป็นต้นไม้พิษก็จะทำให้มีผลพิษ พ่นพิษให้เดือดร้อนกันไปถ้วนหน้า
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login