วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

ล้างน้ำสาม / โดย สมศักดิ์ ไม้พรต

On September 4, 2017

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง

ผู้เขียน : สมศักดิ์ ไม้พรต

การไม่ปรากฏตัวเพื่อฟังคำตัดสินคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังถูกพูดถึงในหลายประเด็น และอยู่ในความสนใจทั้งของคนไทยและต่างชาติ

เท่าที่รับฟังบทวิเคราะห์ ความเห็น ทั้งจากผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า การไม่ปรากฏตัวของอดีตนายกฯหญิงเป็นดีลจากผู้มีอำนาจ เพราะไม่ต้องการให้เกิดเงื่อนไขนำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง

การไม่ปรากฏตัวเพื่อรับฟังคำตัดสินคือทางออกที่ดีที่สุดต่อสถานการณ์ในประเทศ

ความเห็นเหล่านี้จะจริงเท็จอย่างไร เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

สิ่งที่อยากจะพูดถึงเป็นผลกระทบจากการไม่ไปฟังคำตัดสินของอดีตนายกฯ โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย

ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะบั่นทอนกำลังของฝ่ายสนับสนุน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง และพูดกันว่าหากจะล้มล้างระบอบทักษิณให้ราบคาบต้องล้างกันถึง 3 น้ำ

น้ำแรกผ่านไปแล้วคือการยุบพรรคไทยรักไทย จับกรรมการบริหารระดับแกนนำที่เป็นแม่เหล็กดูดคะแนนเสียงของพรรคใส่โหลดองยาว 5 ปี แต่การเลือกตั้งหลังล้างน้ำแรก พรรคไทยรักไทยที่แปลงร่างมาเป็นพรรคพลังประชาชนก็ยังชนะเลือกตั้ง

จนมีวลีจากแม่ทัพของฝ่ายตรงข้ามที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจพิชิตฐานเสียงภาคอีสานทำนองว่า คะแนนนิยมในตัว ดร.ทักษิณ ที่ส่งต่อมาถึงพรรคพลังประชาชนทำให้พวกนี้เป็น “ซอมบี้” หรือ “ผีดิบ” ที่ฆ่าไม่ตาย

หลังน้ำแรกไม่สามารถจัดการกับผีทักษิณได้ การล้างน้ำสองจึงตามมา นั่นคือการยุบพรรคพลังประชาชน

แต่ผลการล้างน้ำสองก็ยังไม่เข้าเป้า เพราะพรรคเพื่อไทยที่แปลงร่างมาจากพรรคพลังประชาชนยังชนะเลือกตั้งได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อน้ำสองยังไม่เป็นผล การล้างน้ำสามจึงตามมาอย่างที่เห็น

ครั้งนี้เลือกใช้วิธีที่แตกต่างจาก 2 ครั้งแรก กล่าวคือ ไม่ยุบพรรค แต่ใช้วิธีฆ่าตัดตอนแกนนำโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดแรงเสียดทานเกินความจำเป็น

การไม่ปรากฏตัวรับฟังคำตัดสินคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือน้ำสามที่น่าจะได้ผล แม้ผีทักษิณยังไม่ตายสนิท แต่ก็อ่อนแรงลงไปมาก

เมื่อบวกกับกติกาใหม่ที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อว่าคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยจะลดลง

ต่อให้ชนะเลือกตั้งก็ไม่มีเสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้

จากการเล่นบทโหดกับคนในเครือข่ายพรรคเพื่อไทยด้วยคดีความต่างๆ จะทำให้ไพร่พลเริ่มคิดทบทวนอนาคตตัวเองจนอาจเกิดสภาวะเลือดไหลออกหลังจากสนามการเมืองเปิดให้เล่นกันอีกครั้ง

เมื่อชัดเจนว่า “เลือกข้างผิดชีวิตพัง” ใครเลยจะอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคเพื่อไทยต่อไป ถึงแม้จะชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ภาพเก่าๆก็จะตามมาหลอกหลอนอีก สู้ชิ่งออกไปอยู่กับอีกฝ่ายที่เข้าได้ทุกขั้วน่าจะเล่นการเมืองได้อย่างสบายใจมากกว่า

เรื่องนี้มีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากพรรคภูมิใจไทย

ทำให้เชื่อได้ว่าหลังผ่านการล้างน้ำสามแล้วพรรคเพื่อไทยจะเหลือแต่คนที่มีอุดมการณ์เดียวกันเท่านั้น แต่ก็ยังมีวิธีคิดที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร เพราะระดับแกนนำนั้นมีทั้งสายเหยี่ยวและสายนกพิราบ

จึงอาจเป็นไปได้ว่าจะได้เห็นการแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ของอดีต ส.ส. บางกลุ่ม

พรรคเพื่อไทยคงเหลือแนวร่วมอยู่ไม่มาก ต้องใช้เวลาสะสมไพร่พลอีกพักใหญ่ๆกว่าจะกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม

แน่นอนว่าการจะกลับมาเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่แข็งแกร่งได้มีเงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ตระกูลชินวัตร

ถ้าคนในตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เข็ดขยาดกับการเมือง ไม่อยากเจ็บตัวไปมากกว่านี้ เลือกที่จะวางเฉยหรือหันหลังให้การเมือง โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกลับไปยืนในจุดเดิมย่อมเป็นไปได้ยาก

แต่หากคนในตระกูลชินวัตรยังให้การสนับสนุนไม่ว่าจะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผย ภารกิจกอบกู้พรรคเพื่อไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ดังเดิมจะทำได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม นักการเมืองระดับแม่เหล็กที่อยู่ในพรรคต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน เพราะธรรมชาติของพรรคเพื่อไทยที่มีรากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทยนั้นเกิดจากการรวมตัวกันของหลายกลุ่มหลายก๊วนทางการเมืองที่ ดร.ทักษิณใช้พลังดูดให้มารวมตัวกัน

ที่ผ่านมาแม้จะมีความพยายามปรับจูนเข้าหากัน แต่ก็ยังจูนกันได้ไม่สนิท

หากแกนนำระดับแม่เหล็กที่เรียกคะแนนจากประชาชนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะแปลงสภาพเป็นพรรคขนาดกลางก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก

ถ้าจะพูดกันตรงๆก็คือ กลุ่มของนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายภูมิธรรม เวชยชัย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และกลุ่ม ส.ส.อีสาน ส.ส.เหนือ ต้องประสานเป็นหนึ่งเดียวหากต้องการกอบกู้พรรคเพื่อไทย

แม้ทุกคนจะยังจับมือกันสู้ ภารกิจกอบกู้พรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะต้องสู้กับฝ่ายตรงข้ามทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทั้งในกติกาที่ตัวเองไม่ได้กำหนดและนอกกติกา ดังนั้น จึงไม่ต้องพูดถึงกรณีที่บุคคลระดับแม่เหล็กเหล่านี้ร้องเพลงกันคนละคีย์

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทุกคนจะยังอยู่หรือเกิดภาวะวงแตก ก็ถือได้ว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้ไม่เสียของ การล้างน้ำสามให้ผลตามที่ประเมินกันไว้ สามารถทำให้ระบอบทักษิณง่อยเปลี้ยเสียขา อ่อนแรงลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


You must be logged in to post a comment Login