วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เงินทอน? / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On July 10, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ

ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

เมืองไทยตอนนี้สนุกดี ปลอด “คนต่างด้าวท้าวต่างแดน” ปลอดแบบโครมเดียวจอดกันหมด พ่อค้าแม่ขาย โรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ไซต์งานก่อสร้าง โรงงานทำขนมปัง ยันร้านค้าในตลาดสด ไม่ว่าจะตลาดไหน ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ยันตลาดยิ่งเจริญ

พอ “กฎหมายแรงงานเกี่ยวกับคนต่างด้าว” ฉบับใหม่ที่ปรับโทษแรงและเงินค่าปรับผู้ว่าจ้างสูงมาก ผลคือแรงงานต่างด้าวเผ่นกันป่าราบ แค่ร้านอาหารและภัตตาคารก็โกลาหลอลหม่านกันจนดูไม่จืด

นี่คือการเปิดโอกาสให้ข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว “เปิดราคาใหม่” สำหรับ “เงินทอน” ชนิดเจ้าของธุรกิจทุกประเภทน้ำบานกันถ้วนหน้า

ตอนนี้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ต้อง “ทอนเงิน” กันไปทุกวงการและทุกหย่อมหญ้า ไม่เว้นแม้กระทั่งวัด

พวกที่อยากปฏิรูปและอยู่ข้าง คสช. คงดีใจและชอบใจ เพราะต่อไปการ “ทอนเงิน” หรือ “เงินทอน” จะกลายเป็นนโยบายหลักไปทุกวงการ บรรดา “บิ๊กทั้งหลาย” ที่อยู่เบื้องหลังคอยรับ “เงินทอน” ต่างแฮปปี้กระดี๊กระด๊า เพราะยอดเงินทำสถิติพุ่งสูงกว่ายุคนักการเมืองและมีการเลือกตั้ง ว่ากันว่าเมื่อก่อนนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลกำหนดเพดาน “เงินทอน” ไว้ที่ 100 ทอน 30

ตอนนี้พรรคพวก สนจ. ที่ทำธุรกิจกับหน่วยงานของรัฐเจอ “เงินทอน” ระดับ “วัดครึ่งกรรมการครึ่ง” กันถ้วนหน้า และดูเหมือนจะมีการจัด “กรรมการ” กันใหม่แบบยกชุด ประมาณว่าเคยจ่ายตามรายทางเท่าไร ต่อไปนี้ให้จ่ายแบบ “วัน สตอป เซอร์วิส” จ่ายที่เดียว เพราะ “บิ๊กบอส” ไปเคลียร์กับลูกน้องเอง

เรื่องแบบนี้ไม่มีหรอก “ใบเสร็จ” หลายธุรกิจเจอชื่อ “บิ๊กบอส” ผู้รับเงินทอนก็ใบ้กินแล้ว แบบว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิเสธและไม่ควรจะปฏิเสธ เหมือนที่ “ดอน คอร์ลิโอเน” เอ่ยในหนังและนวนิยายของ “มาริโอ พูโซ” เรื่อง “เดอะ ก๊อดฟาเธอร์” อย่างไรก็อย่างนั้น

ก็รับๆกันไปและอยู่ๆกันไปก็แล้วกัน อยู่ให้ได้ อยู่ให้เป็น อยู่ได้หรือไม่ได้ก็ต้องอยู่

หลายครอบครัวเริ่มดิ้นรนย้ายประเทศกันแล้ว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีความพร้อมและมีช่องทางจะไป นี่ไม่ใช่เรื่องเขียนอำกันเล่นๆ แต่เป็นเรื่องจริง ทุกอย่างในบ้านเมืองตอนนี้มีสภาพเหมือนท่าเล่นเสียวกันไปหมด มันกลับหัวกลับหาง อัพไซด์ดาวน์แบบไปกันไม่เป็น พูดไม่ออก แน่นิ่งหรือสตั๊นต์กันแบบไม่ใช่วินาที แต่อัมพาตอัมพฤกษ์กันถ้วนหน้า

เหมือนบ้านเมืองกำลังจะกลายเป็น “เมืองในหมอก” อย่างไรก็อย่างนั้น บริษัทใหญ่ๆของมหาเศรษฐีลูกเจ๊กลูกจีนลอยตัว หอบเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศก็แตะมือผูกขาดกันแค่ไม่กี่ตระกูล

อีก 6 เดือนข้างหน้าคงมีอะไรให้เห็นกันแบบชัดๆสำหรับเศรษฐกิจ ไพร่ฟ้าหน้าจะใสหรือซีดคงได้เห็นกัน หากเอาตามสัญชาตญาณของอดีตนักข่าวเก่า

เมืองไทยน่าจะเจอ “สึนามิเศรษฐกิจและอาฟเตอร์ช็อก” อีกไม่นานเกินรอ

เดี๋ยวก็รู้ว่า “หมู่หรือจ่า” เมื่อทุกอย่างต้องมี “เงินทอน” แต่หาคนซื้อหรือคนจ่ายไม่ได้


You must be logged in to post a comment Login