วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ไส้เดือนถูกขี้เถ้า / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On July 3, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน
มวยมีเบอร์นานๆต่อยที แต่เวลาต่อยก็ครบเครื่องต้มยำ มาแบบจัดหนักจัดเต็ม ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แถมส่งลูกโดด พริกขี้หนูสวน และกัญชา ซึ่งเมืองไทยควรประกาศให้เป็นพืชเพื่อการแพทย์เหมือนชาวบ้านเขา

เอาว่าสั่นกันเป็นเจ้าเข้าไปทั้งวงการ ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง นกหวีด สลิ่ม ลอดช่อง สั่นตั้งแต่พวกสุดขั้วคลั่งยันพวกสายเงียบ เงียบแบบไม่รู้ว่าถอดใจ รอจังหวะซุ่มโป่ง หรือเงียบแบบใครชนะขอโหนสักหน่อย

ยังรักษารูปมวยและอาวุธแบบครบเครื่อง แม้วัยจะใกล้ 70 แม้จะเร้นกายหายไปแบบจอมยุทธ์มือกระบี่ที่เอากระบี่แขวนไว้บนขื่อคาของชีวิต นั่งบำเพ็ญพรตมองดู “ความเป็นไปของบ้านเมือง”

เทียบการขึ้นชกในแต่ละนัดของ 2 มวยเอกแห่งยุคสมัยระหว่าง “ธีรยุทธ บุญมี” กับ “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล” เอาว่าศึกมวยวันทรงชัยที่ 2 ปัญญาชนคนรุ่น 14 ตุลาซึ่งวันนี้ “ไร้ความหมาย” ไปแล้ว แต่สำหรับคนรุ่นเดียวกันถือว่าเรียกเสียงเชียร์แฟนมวยมุมน้ำเงินและมุมแดงได้สนั่นลั่นเวที ประมาณว่าตี ตี ตี…

นักวิชาการเสื้อกั๊กเริ่มกลายเป็นมวยแก่ที่ไร้ราคาลงเรื่อยๆ เพราะติดเหล้า เคล้าหญิง ไม่ซ้อมวาดรูป แปลหนังสือดีกว่า เหลือเยอะเพราะเมียรวย

ส่วนมวยจากลุ่มน้ำบางปะกงที่โดนทั้งด่าและเชียร์ นานๆมาที แต่มาแบบชัดเจนว่าไม่ได้เล่นอะไรกับใคร ไม่สนใจอำนาจวาสนา เพราะมีทุกอย่างแล้ว ยกเว้นเงิน ทุกวันนี้อาศัยเงินจากการเป็นนักเขียนอาชีพและศิลปินแห่งชาติยังชีพ

สรุปแล้วอธิบดีกรมเจ้าท่าคนที่ 2 ในวงวรรณกรรมไทยซึ่งเป็นฉายาที่ สนจ. เรียกพี่เชื้อ เขายังคงรักษาตัวตนของตัวเองชัดเจน ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเย้ยหยันหรือชื่นชมอย่างที่เขียนใน “ดับเบิลสแตนดาร์ด” แต่ “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล” ก็คือ “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล” ของแท้ตัวละบาท ไม่ใช่พวกตัวละสลึง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอันนี้ไม่ว่ากัน ไม่มีใครสมบูรณ์ไปซะทุกสีทุกอย่าง อะไรบางอย่างที่เป็นรสนิยมส่วนตัว จริต ก็ต้องปล่อยให้ทุกคนมีพื้นที่เอาไว้เล่น ไม่ว่าจะเล่นยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน

ที่แน่ๆ คสช. ก็เต้นด้วยเหมือนกัน อย่างน้อยนายกฯก็ไม่ได้เต้นแค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งเหมือนที่เต้นกับอีหล่าหมอลำซิ่ง ซึ่งร้องเพลงหมอลำหากินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวมาเป็นสิบปี นุ่งสั้น เด้งหน้าเด้งหลังมานานสองนาน แต่พวกผู้ดีตีนแดงในกรุงเทพฯเพิ่งดัดจริตดีดดิ้นเห็นท่า “กระเด้า” ของอีหล่าว่าหยาบ ไม่มีวัฒนธรรมไทย แหม! เวลาเต้นนี่มันนั่งพับเพียบเต้นได้ซะที่ไหน

อย่างที่อดีตผู้นำนักศึกษา สหายนำในสมรภูมิ พคท. นักเขียนศิลปินแห่งชาติและจอมยุทธ์เร้นกาย สรุปให้เต้นกันนั่นแหละ เพ่กับพวกเขา “อยู่ยาว” แน่ อย่างน้อยก็ 10 ปี ขึ้นอยู่กับเงิน ยา และเครื่องมือทางการแพทย์ จะเอาคนวัยเลยแซยิดที่กำลังเอาอนาคตของคนไทยและประเทศไทยมาปู้ยี่ปู้ยำเล่น เพราะที่ดิ้นพล่านๆหลังปาฐกถาของอธิบดีกรมเจ้าท่าของแท้รายนี้

ถ้ายังไม่ตายกันไปก่อนก็แตะ 70 กันหมดแล้ว ก็ไม่ว่ากัน ยังมีแรงเต้นก็เต้นไป เต้นให้ดีก็แล้วกัน ส่วน สนจ. ไปก่อนล่ะ ไม่อยู่หรอก…เบื่อ เพราะอีก 10 ปีก็จะทะลุ 70 เหมือนกัน…ฮา


You must be logged in to post a comment Login