วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ประชาธิปไตยแก้ได้ทุกปัญหา / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On June 1, 2017

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัฐประหาร เป็นห่วงว่าการเลือกตั้งและประชาธิปไตยจะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ผมขอมองต่างมุมว่าประชาธิปไตยแก้ไขได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าปัญหาบ้าน ที่อยู่อาศัย เมือง หรือปัญหาบ้านเมือง โดยขอตอบ 4 คำถามของนายกฯก่อนดังนี้

1.ท่านคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ตอบว่า น่าจะได้ เพราะโปร่งใสกว่า ไม่ได้ยึดอำนาจมาแล้วนำพวกพ้องมารับลาภยศสักการะทั้งในรัฐบาลและสภาโดยประชาชนไม่รับรู้ ถือว่าขาดธรรมาภิบาล

2.หากไม่ได้จะทำอย่างไร ตอบว่า กลไกมีทั้งทางนิติบัญญัติและศาล ที่ไต้หวัน เกาหลีใต้ บราซิล ฯลฯ ก็ใช้การเมืองแก้ ไม่ใช่ใช้กำลังอาวุธซึ่งผิดกฎหมาย

3.การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งอย่างเดียวที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศและเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศชาติจะมียุทธศาสตร์และการปฏิรูปหรือไม่นั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ตอบว่า ในประเทศที่บ้านเมืองแตกแยกหนักจนเกิดสงครามกลางเมืองจนยูเอ็นต้องเข้าไปจัดการเลือกตั้งให้ แปลว่าการเลือกตั้งเป็นทางออกที่ดีที่สุด ยุทธศาสตร์ที่พวกท่านทำเองโดยไม่เห็นหัวประชาชนนั้นดีจริงหรือ

4.ท่านคิดว่ากลุ่มนักการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณีควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้อีก เกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร ตอบว่า ท่านหมายถึงคนไหนที่ไม่ดี ระบุให้ชัด ท่านเป็นเจ้าชีวิตตัดสินใครดีชั่วได้หรือ พวกท่านบริหารประเทศมานาน ดัชนีทุจริตหนักกว่าเก่าแปลว่าอะไร อันที่จริงเรื่อง “พฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี” ท่านแสดงออกมากกว่านักการเมือง ทั้งโยนกล้วย ด่าว่านักข่าว พูดคำหยาบ ฯลฯ ญาติและคนใกล้ชิดก็ถูกข้อครหามีพฤติกรรมไม่โปร่งใส

อย่างการแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แนวทางที่ดีที่สุดคือ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครใหม่ เพราะปัจจุบันขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ที่เสนอให้เลือกตั้งก็เพื่อให้ประชาชนตัดสิน ในระบอบประชาธิปไตย ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน ต้องคิดหานโยบายและแผนมาช่วยแก้ความทุกข์ยากของประชาชน แต่ถ้าถูกแต่งตั้งก็คงมุ่งแต่เอาใจผู้แต่งตั้ง ทำงานการเมืองช่วยค้ำเก้าอี้ผู้แต่งตั้ง ทั้งคนที่แต่งตั้งก็เป็นคนในพรรคการเมืองเดียวแทบทั้งกระบิ

บางคนอาจเถียงว่าน้ำท่วมเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จะรอการเลือกตั้งไหวหรือ แท้จริงแล้วปัญหานี้เกิดซ้ำซากต่อเนื่อง ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้าอีกต่อไปแล้ว ถ้ามีการเลือกตั้งย่อมทำให้ผู้สมัครพยายามระดมพลพรรคและสมองหาทางแก้มาเสนอต่อประชาชน ทำให้การแก้ไขรัดกุมยิ่งขึ้น ในอนาคตเมื่อประชาชนมีอำนาจตัดสินใจมากขึ้นก็เป็นไปได้ที่ผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งจะชิงลาออกไปเองหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามที่สัญญากับประชาชน แต่ถ้าผู้ว่าฯ กทม. มาจากการแต่งตั้งก็ไม่แคร์ประชาชน

การยึดหลักอำนาจอธิปไตยและคืนประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชนเพื่อให้ตัดสินอนาคตของตนเอง ถ้าตัดสินใจผิดก็จะได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ออกมาโวยวายนัก เพราะตัดสินใจเอง แต่ถ้าตัดสินใจถูกต้อง ประเทศชาติก็จะเดินหน้าต่อไป ประชาชนมีสิทธิในการคิดและศึกษาเรียนรู้เพื่อให้เกิดพุทธิปัญญา ไม่ควรให้ใครมาจูงจมูก เพราะเท่ากับไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ในทางตรงข้าม ถ้าเราอยู่ในคุก (ทางความคิด) ที่มี “ผู้คุม” สั่งด้วยอำนาจศักดิ์สิทธิ์เด็ดขาด คนในคุกไม่อาจโต้แย้งก็คงไม่ต้องการประชาธิปไตย ต้องการแต่กำลังอาวุธโดยพวก “ขาใหญ่” ปกครอง สังคมแบบนั้นไม่ต้องการการเลือกตั้ง การแต่งตั้งและอาสาทำดี (ที่ดูน่ารัก) เช่น ชูวิทย์อาสาทำดีเก็บศพในคุก เป็นต้น “ขาใหญ่” มีหลายแก๊งหลายกลุ่ม ฟาดฟันหรือรวมพลังกันเพื่อผลัดกันเป็นใหญ่ แต่ประชาชนไม่ได้อยู่ในสังคมคนคุก

ลองคิดดูว่าในวงการพัฒนาที่ดินที่มีนักวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง หากมีบรรยากาศประชาธิปไตย คณะกรรมการสมาคมก็มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสรรพกำลังของ “ขาใหญ่” วงการก็จะสะอาดขึ้น แต่ละคนจะเข้ามาช่วยพัฒนาวงการ ช่องว่างการทุจริตก็จะไม่มี ผู้ใช้บริการก็อุ่นใจ วงวิชาชีพก็จะพัฒนาทั้งทางวิชาการ มีเกียรติและศักดิ์ศรี

เห็นหรือยังครับว่าประชาธิปไตยคือคำตอบของสังคมอารยะ ยิ่งมีระเบิด ความขัดแย้งทางการเมืองยิ่งรุนแรง ยิ่งต้องรีบจัดการเลือกตั้ง ถ้าจะให้โปร่งใสก็เชิญยูเอ็นมาจัดเลือกตั้งยิ่งดี


You must be logged in to post a comment Login