วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อย่ากลัวกระจก

On May 18, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ใกล้ครบวาระยึดอำนาจปกครองประเทศครบ 3 ปี ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้มีหลายฝ่ายออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับผลงานที่คสช.และรัฐบาลของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

คำวิพากษ์วิจารณ์ที่ออกมาดูเหมือนว่าทำให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาลทหารคสช.ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองเสียสละเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมืองและทุ่มเททำงานเต็มที่ มีหลายอย่างที่น่าจะเป็นผลงานให้ประชาชนได้ชื่นใจ

อย่างไรก็ตาม การเฝ้าติดตามดูการทำงานของรัฐบาลทหารคสช.ไม่ได้มีเฉพาะฝ่ายต่างๆในประเทศ แต่สื่อต่างประเทศก็ให้ความสนใจด้วยเช่นกัน

William Pesek บรรณาธิการนิตยสาร Barron’s Asia และคอลัมนิสต์ประจำ Bloomberg เคยวิเคราะห์สถานการณ์ในไทยหลังการรัฐประหารเอาไว้และดูเหมือนว่าบทวิเคราะห์นี้ยังไม่ล้าสมัย

William Pesek ระบุว่า หลังการเข้ามายึดอำนาจเศรษฐกิจไทยที่เคยมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สองของอาเซียนมีความระส่ำระสาย เนื่องจากนักลงทุนพากันทอนการลงทุนโดยที่รัฐบาลทหารคสช.แก้ปัญหานี้ไม่ตก ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลทหารคสช.ไม่ได้มีการวางแผนบริหารประเทศมาก่อนที่จะเข้ายึดอำนาจ

ที่ผ่านมา แม้จะมีการรัฐประหาร มีการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนจนเป็นอัมพาต และการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บรรดานักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย เพราะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค แต่หลังการรัฐประหารของคสช.แตกต่างออกไป

ทั้งนี้ เนื่องจากการขาดวิสัยทัศน์ในการบริหาร แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปยืนยันต่อที่ประชุมสหประชาชาติว่าไทยกำลังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปประเทศซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพและการปิดกั้นข่าวสารเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่การปฏิรูปเศรษฐกิจก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างมาก การส่งออกดิ่งเหว ในขณะที่หนี้ครัวเรือนและภาวะเงินฝืดกลับพุ่งสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งว่าที่เศรษฐกิจของไทยไม่ดีเพราะปัจจัยภายนอกไม่เอื้อ จึงทำให้เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลทหารคสช.จะประสบความสำเร็จทางการบริหาร และในช่วงที่ไทยกำลังติดกับดักอยู่นี้ ชาติอื่นในอาเซียนกำลังเร่งพัฒนาตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะแซงหน้าประเทศไทย จึงชัดเจนว่าความขัดแย้งภายในของไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทำให้ประเทศเสียโอกาส เสียเวลาเปล่า

ที่แย่ที่สุดคือ รัฐบาลทหารคสช.กำลังบั่นทอนชื่อเสียงของประเทศไทย ที่เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ และการค้าเสรี รัฐบาลทหารคสช.อาจสามารถที่จะปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ไม่สามารถปิดกั้นความจริงที่เขากำลังทำลายศักยภาพของประเทศที่เขาสัญญาว่าจะปกป้องได้

นั่นเป็นมุมมองของสื่อต่างชาติ ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่ออยากจะสะกิดเตือนผู้มีอำนาจทั้งหลายว่าเวลาที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์แม้จะนึกน้อยใจอยู่บ้างว่าทำไมเอาแต่ตำหนิไม่ชื่นชมในสิ่งที่ทำดีบ้าง แต่ก็ควรนำคำวิพากษ์วิจารณ์ใส่ตะแกรงร่อนเพื่อเลือกดูเนื้อหาสาระจากคำวิจารณ์ว่ามีอะไรที่พอจะหยิบจับไปแก้ไขให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศได้บ้าง

ทุกเช้าเวลาแต่งตัวก่อนออกจากบ้านยังต้องส่องกระจก เมื่อเห็นอะไรไม่เข้าที่เข้าทางยังต้องปรับแก้ให้เรียบร้อย ถ้าจะรับแต่คำชมไม่รับคำวิจารณ์ก็เท่ากับไม่กล้าส่องกระจก เมื่อไม่ส่องกระจกจะรู้ได้อย่างไรว่าคำสรรเสริญเยินยอที่ว่าดีนั้นมันดีจริงหรือไม่ และมีอะไรไม่เข้าที่เข้าทางต้องปรับแก้หรือไม่


You must be logged in to post a comment Login