วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จอมโจรขวัญใจ / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On April 17, 2017

คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

เขาเป็นเพียงแค่ฟันเฟืองเล็กๆในเหตุการณ์ปล้นรถไฟขนเงินบันลือโลก แต่ความสามารถเฉพาะตัวที่ทำให้หลุดรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของกลุ่มคนที่ไม่ปลื้มรัฐบาล

โรนัลด์ บิกส์ หรือที่นิยมเรียกชื่อเล่นว่า “รอนนี่” เกิดในตระกูลผู้ยากไร้ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอนเมื่อปี 1929 จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีประวัติลักเล็กขโมยน้อย ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กๆ เช่น ดินสอ ปากกา ไปจนถึงของใหญ่ เช่น รถยนต์ เรียกว่าเดินเข้าออกตะรางเป็นว่าเล่นตั้งแต่นมเพิ่งแตกพาน

พออายุได้ 30 ปี รอนนี่แต่งงานมีลูกชายน่ารัก 2 คน เขาตัดสินใจเลิกอาชีพโจรโดยเด็ดขาด ก้มหน้าก้มตาหากินสุจริตด้วยการเป็นช่างทาสี แต่โชคไม่ดีนัก รายได้ไม่พอเลี้ยงดูครอบครัว

งานง่าย รายได้ดี

รอนนี่ตัดสินใจโทรศัพท์หาบรูซ เรโนลด์ เพื่อนที่รู้จักเมื่อสมัยถูกจำคุก เพื่อขอยืมเงิน 500 ปอนด์ แทนที่บรูซจะให้เงิน เขากลับเสนองานง่ายรายได้ดีให้กับรอนนี่ ซึ่งก็คือการปล้นรถไฟขนเงินที่ไม่เคยมีโจรคนไหนกล้าทำมาก่อน

รอนนี่รีบบอกปฏิเสธทันที เขากลับเนื้อกลับตัวแล้ว และมีครอบครัวแล้ว ไม่ต้องการข้องแวะกับงานผิดกฎหมายอีก แต่บรูซไม่ยอมแพ้ พูดจาหว่านล้อมรอนนี่ พร้อมกับรับประกันว่ารอนนี่จะได้เงินส่วนแบ่งอย่างต่ำ 40,000 ปอนด์ จากการทำงานเพียงคืนเดียว

ที่สำคัญคือ รอนนี่มีหน้าที่เพียงแค่ติดต่อหาคนที่ขับรถไฟเป็นเท่านั้น ไม่ต้องทำอย่างอื่น เพราะบรูซรู้มาว่ารอนนี่เคยทำงานทาสีบ้านให้กับคนขับรถไฟเกษียณอายุคนหนึ่ง

เงินส่วนแบ่งก้อนโตทำให้รอนนี่อดใจไม่ไหว เงินจำนวนนี้สามารถนำไปวางดาวน์บ้าน สร้างหลักปักฐานได้อย่างถาวร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมานาน

ผิดแผน

เช้ามืดวันที่ 8 สิงหาคม 1963 บังเอิญเป็นวันครบรอบวันเกิด 34 ปีของรอนนี่พอดิบพอดี แก๊งปล้นรถไฟขนเงิน 16 คนออกปฏิบัติงาน แผนการก็คือดักปล้นขบวนรถไฟในที่เปลี่ยวนอกเมือง จากนั้นให้คนของรอนนี่ขับรถไฟไปจอดบนสะพานรถไฟข้ามถนนเพื่อโยนถุงใส่เงินจากรถไฟลงมาที่รถซึ่งจอดรออยู่ใต้สะพาน

เวลา 03.30 น. แก๊งโจรสับสวิตช์สัญญาณให้รถไฟจอดในที่เปลี่ยวระหว่างเมืองกลาสโกว์กับกรุงลอนดอน กลุ่มโจรกรูกันขึ้นหัวจักรรถไฟ ใช้ท่อนเหล็กฟาดศีรษะพนักงานขับรถไฟจนล้มฟุบลงกับพื้น

คนของรอนนี่เข้ามานั่งแทนที่ แต่โชคร้ายรถไฟขบวนนี้หัวจักรเป็นแบบดีเซลไฟฟ้าซึ่งเขาไม่เคยขับมาก่อน กลุ่มโจรจึงต้องประคองพนักงานขับรถไฟขึ้นมาและบังคับให้เขาขับรถไฟไปจอดที่สะพาน

เมื่อรถไฟมาถึงสะพาน กลุ่มโจรก็ช่วยกันขนย้ายถุงใส่เงินจำนวน 120 ถุง ซึ่งมีเงินมากถึง 2.6 ล้านปอนด์ มากกว่าเงินที่เคยขนในช่วงเวลาปรกติหลายเท่าตัว เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวในสกอตแลนด์ ธนาคารจึงส่งเงินจำนวนมากมากับรถไฟขบวนนี้ จากนั้นกลุ่มโจรก็ไปหลบซ่อนตัวในบ้านชนบทห่างไกลผู้คน

ไม่ทำตามแผน

กลุ่มโจรหลบซ่อนตัวภายในบ้านชนบทโดยมีเสบียงอาหารมากพอให้ทั้ง 16 คนหลบซ่อนได้เป็นสัปดาห์หากจำเป็น รอนนี่กลับบ้านในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขาได้รับส่วนแบ่งเป็นเงิน 147,000 ปอนด์

ตำรวจออกค้นหาร่องรอยคนร้ายจนเริ่มเข้ามาใกล้ที่ซ่อนตัว บรูซตัดสินใจบอกให้กลุ่มโจรแยกย้ายกันและทิ้งให้สมาชิกแก๊งคนหนึ่งทำหน้าที่เผาทำลายบ้านหลังจากที่พวกเขาไปแล้วเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด

อาจเป็นเพราะเกรงว่าจะมีคนเห็นกลุ่มควันไฟ ซึ่งเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียวในบริเวณนั้น มือเพลิงจึงหักหลังเพื่อน หลบหนีไปโดยไม่ได้เผาทำลายบ้านทิ้งตามที่ได้รับคำสั่ง

ตำรวจตามรอยมาจนถึงบ้านที่โจรใช้ซ่อนตัว ตรวจพบลายนิ้วมือรอนนี่บนขวดซอสมะเขือเทศและลายนิ้วมือโจรคนอื่นๆบนอุปกรณ์เล่นเกมเศรษฐี ไม่กี่วันต่อมาตำรวจก็สามารถรวบตัวกลุ่มโจรได้ 11 คน

หนีสุดขอบโลก

แก๊งปล้นรถไฟถูกตัดสินจำคุก 30 ปี แต่หลังจากถูกจองจำเพียง 15 เดือน รอนนี่และเพื่อนร่วมคุกอีก 6 คนก็ปีนกำแพงเรือนจำหลบหนีออกไปได้ รอนนี่หอบลูกเมียหนีไปอยู่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

หลังจากใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่หลายปีก็มีข่าวว่าตำรวจกำลังตามเข้ามาใกล้ รอนนี่หลบหนีอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาหนีไปคนเดียว บินข้ามทวีปไปยังอเมริกาใต้ จากโบลิเวียไปอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลา หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ปี 1974 ผู้สื่อข่าวนิตยสารลอนดอนส์เดลี่เอ็กซ์เพรสตามสืบจนพบว่ารอนนี่หลบซ่อนตัวอยู่ที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล จึงขอสัมภาษณ์โดยเสนอเงินค่าตัว 50,000 ปอนด์ ซึ่งตอนนั้นรอนนี่มีครอบครัวใหม่แล้ว เขาแต่งงานกับสาวบราซิล กำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอด

ตำรวจอังกฤษแจ้งรัฐบาลบราซิลให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังอังกฤษ แต่กฎหมายบราซิลมีข้อยกเว้นในเรื่องนี้ ซึ่งกฎหมายระบุว่า หากอาชญากรเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่หารายได้เลี้ยงครอบครัวจะไม่สามารถส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้

รอนนี่เข้าข่ายข้อยกเว้นนี้ เขาจึงดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขในบราซิล ขณะที่ตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดได้มองตาปริบๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ กลุ่มที่ไม่ปลื้มรัฐบาลอังกฤษก็หัวเราะชอบใจ สมน้ำหน้าตำรวจ และยกย่องให้รอนนี่เป็นฮีโร่ของพวกเขา

กลับบ้านเกิด

ปี 1978 วงดนตรีพังค์ร็อก Sex Pistols เดินทางมายังรีโอเดจาเนโรเพื่อขอให้รอนนี่ร่วมเขียนเนื้อเพลงและร้องนำในบทเพลงชื่อ No One Is Innocent ทำให้ชื่อเสียงของรอนนี่ดังกระฉ่อนยิ่งขึ้น

รอนนี่เป็นคนต่างชาติจึงไม่สามารถทำงานประจำได้ เขามีรายได้จากการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสนทนากับตัวเขาซึ่งเป็นหนึ่งในอาชญากรคดีปล้นรถไฟบันลือโลก โดยเก็บค่าเยี่ยมชมคนละ 60 ดอลลาร์

ปี 2000 รอนนี่อายุ 71 ปี เขาคิดถึงบ้านเกิดใจแทบขาด และคิดว่าตำรวจอังกฤษคงเห็นใจในความชราภาพ ไม่ติดใจเอาความเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 30 ปีก่อน รอนนี่ตัดสินใจบินกลับอังกฤษ

เมื่อเหยียบเท้าลงบนแผ่นดินอังกฤษ ตำรวจก็รวบตัวเขาโดยทันที รอนนี่ถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำ เขาพยายามทำเรื่องขออภัยโทษหลายครั้งหลายหนแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งในปี 2009 รอนนี่เกิดอาการโรคหลอดเลือดสมอง ไม่สามารถขยับตัวได้ แพทย์ลงความเห็นว่ารอนนี่อาจตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ทางเรือนจำจึงเดินเรื่องให้ปล่อยตัวรอนนี่ไปตายอย่างสงบที่บ้าน

หลังจากออกจากเรือนจำ อาการของรอนนี่ก็ดีวันดีคืนจนกระทั่งหายเป็นปรกติท่ามกลางความมึนงงของพัศดีเรือนจำว่าเขาหายขาดจากโรคร้ายได้อย่างไร รอนนี่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อมาอีกหลายปีก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยวัย 84 ปี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2013 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สถานีโทรทัศน์บีบีซีนำซีรี่ส์ชุด The Great Train Robbery ออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก


You must be logged in to post a comment Login