วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อาการน่าเป็นห่วง / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On April 10, 2017

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

พูดถึงโอวาทหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการทำงานให้ก้าวหน้า ให้งานสำเร็จ ให้คนก้าวหน้า ให้องค์กรมั่นคง เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก เวลานี้น่าเป็นห่วงว่าถ้าคนในประเทศทำงานไม่เป็น ทำงานไม่ก้าวหน้า ทำงานไม่พัฒนา ทำไปทำมาเหมือนจะเกาะงานไปวันๆหนึ่ง ไม่ตั้งใจทำให้เกิดความสำเร็จในองค์กรของตัวเอง ในสถาบัน ในกระทรวงต่างๆ

อาตมาบังเอิญช่วงนี้มีเด็กมาของานทำ 250 คน มองดูแล้วเด็กที่ทำงานมีสัก 10 เปอร์เซ็นต์เองที่เป็นไปตามหลักธรรมที่ว่า เต็มใจทำ แข็งใจทำ ตั้งใจทำ และทำงานอย่างถูกวิธี ที่เรียกกันว่า “อิทธิบาท 4” คือ รากฐานของความสัมฤทธิ์ ความสำเร็จในการทำงาน ที่น่าเจ็บปวดหัวใจคือ เด็กไม่ได้เต็มใจทำ แต่อยากได้เงิน มันก็เป็นไปไม่ได้ ระหว่างงานกับเงินต้องเดินไปด้วยกัน ถ้านายจ้างที่ไหนจ่ายเงินให้แล้วไม่มี 4 อย่างนี้ นายจ้างก็เจ๊ง คนที่ไม่เต็มใจทำงานก็อ้างเจ็บนิดป่วยหน่อยตลอด ไม่คิดจะแข็งใจสู้เจ็บ สู้ป่วย สู้หนาว สู้ร้อนอะไรเลย

อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรคก็น่าช้ำใจเหมือนกันว่า ประเทศชาติรักษาทีหนึ่งเป็นหมื่นเป็นแสน แต่เสีย 30 บาท แล้วบางคนก็ป่วยตลอด อาตมาว่าจะเป็นนายจ้างหรือรัฐบาลก็ตาม เงินรักษาผู้เจ็บป่วยกับผลประโยชน์ของประชาชนที่ทำให้แก่ประเทศชาติดูแล้วไม่สมดุลกัน มีผู้เจ็บป่วยใช้เงินรัฐปีหนึ่งตั้งหลายสตางค์ แต่เขาไม่ได้ทุ่มเทเต็มใจจะดูแลสุขภาพให้ดี ดุลยภาพในการจ่ายกับการให้ต้องออกมาคุ้มค่าคุ้มเวลา พูดง่ายๆว่าเราขาดทุนกันทุกเรื่องเลย เช่น คนกู้ก็กู้จนขาดทุน กู้จนไม่มีกำไร นี่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่า ถ้าคนไทยยังกู้กันอยู่ แล้วต้องจ่ายเงินเดือนกันแพงๆ เงินของรัฐบาลหมดไปเดือนหนึ่งไม่ใช่น้อย แต่ผลตอบแทนแทบมองไม่เห็น

อาตมาเห็นเด็กคิดแต่จะนั่งเล่น พอหนุ่มสาว ม.ปลายก็จะนั่งเกี้ยวพาราสี หยอกล้อกัน งานแทบจะไม่มองเลย ความตั้งใจในการทำงานหายไปไหนก็ไม่รู้ น่าเป็นห่วงว่าถ้าเมืองไทยมีคนสภาพเช่นนี้มาเกิด รัฐบาลจะเอางบประมาณที่ไหน นายจ้างจะเอาทุนที่ไหนมาจ่ายค่าแรง พอขาดทุนก็ไม่มีใครกล้าลงทุน ชาติบ้านเมืองก็ขาดทุนไปด้วย เพราะฉะนั้นหากยังอยู่ในสภาพนี้เมืองไทยก็น่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจไม่ดี คนฮึดสู้ก็พอจะทู่ซี้อยู่ได้ แต่คนไม่ฮึดสู้ก็จะท้อแท้อ่อนแอ กลายเป็นผีซ้ำด้ำพลอยให้หนักกว่าเดิมอีก เพราะความตั้งใจไม่มี

สุดท้ายที่แย่สุดๆคือวิมังสา การตรึกตรอง อาตมามองดูเด็กดึงกิ่งไม้ ไม่รู้จักเลือกดึง ดึงยังไงมันจะออก หมุนไปทางไหน ย้ายมาแถบไหน ทิศทางที่ไม้มันเกี่ยวกันอยู่ก็ทำไม่เป็น ไอ้อันที่ดึงได้ก็ไม่ดึง ไปเสียเวลาดึงที่มันดึงไม่ออก แทนที่จะปล่อยอันที่ดึงไม่ออกแล้วไปดึงอันที่มันออกก่อนก็ยังได้งานเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ใช่ไปเสียเวลาอันที่ดึงไม่ออก ตรงนี้เป็นเรื่องที่ดูแล้วน่าอนาถใจ การเข้าใจทำงานต้องมีสติปัญญาในการทำงานด้วย

พระพุทธเจ้าถือว่าเป็นข้อรั้งท้าย ถ้าข้อนี้อาภัพ ข้ออื่นก็สลบตามไปด้วย ถ้าสติปัญญาตรงนี้มีไม่พอ ทุกอย่างที่ทำมาตั้งแต่เริ่มต้นก็เสียหมดทั้งขบวนเลย เพราะฉะนั้นจึงต้องบอกว่าอาการน่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยนั้นมีหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่เห็นชัดที่สุดคือ ถ้าประเทศไหน ผู้ผลิต ผู้ทำ ผู้นำ ผู้ให้มีไม่พอ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับมีเยอะ ผู้รับ ผู้ตาม ผู้บริโภคมีมาก ผู้ผลิต ผู้ทำ ผู้นำ ผู้ใหญ่มีน้อย ก็แน่นอนว่าต้องจมปลัก ไม่มีทางที่จะฟื้นตัว ก้าวหน้า พัฒนาอะไรขึ้นมาได้

หวังว่าถ้าใครมองเห็นแบบเรื่องนี้แล้ว อย่าห่วงว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่จงห่วงคุณภาพคนไม่ดี ทำให้เศรษฐกิจพลอยพังไปด้วย เพราะนายจ้างขาดทุน รัฐบาลขาดทุน เมื่อมันผิดพลาดเสียหายก็ไปไม่รอด จึงจำเป็นที่จะต้องจัดการตัวนี้ก่อน ถ้าตัวนี้จัดการได้ ตัวอื่นๆก็จะฟื้นตัวเอง

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login