วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ถูกบีบหน้าเขียว

On March 15, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กรณีเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปของดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 16,000 ล้านบาท ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่ากรมสรรพากรเจ้าของเรื่องที่ก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าไม่สามารถเรียกเก็บได้แล้ว โดยมีเหตุผลอธิบายชัดเจนว่าทำไมจึงไม่สามารถเรียกเก็บได้

แต่ดูเหมือนเหตุผลของกรมสรรพากรจะถูกหักล้างจากหลายฝ่ายและยืนยันว่าจะต้องเรียกเก็บเงินส่วนนี้

ช่องทางที่จะนำมาใช้เรียกเก็บภาษีคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 และ 821

มาตรา 820 บัญญัติเอาไว้ว่า

“ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน”

มาตรา 821 บัญญัติไว้ว่า

“บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน”

ช่องทางนี้กรมสรรพากรสามารถทำหนังสือแจ้งการประเมินต่อดร.ทักษิณ โดยไม่ต้องออกหมายเรียกอีก เพราะก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้เคยออกหมายเรียกนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไปแล้ว เมื่อทั้ง 2 คนเป็นตัวแทนของดร.ทักษิณ จึงย่อมมีผลผูกพัน จึงถือเป็นการออกหมายเรียกและตรวจสอบการเสียภาษีของดร.ทักษิณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวการและตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ทั้งสองมาตราข้างต้น

ช่องทางนี้เป็นการหารือกันระหว่างมือกฎหมายรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้มีหน้าที่ตรวจสอบอย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

เมื่อผู้มีอำนาจมั่นใจว่าเป็นช่องทางที่ดำเนินการได้และต้องดำเนินการจึงมีคำยืนยันจาก นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ โดยย้ำว่าสตง.ยืนยันกรณีนี้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 61 ของประมวลรัษฎากร ไม่จำเป็นต้องยึดตามมาตรา 19 ที่ต้องมีการแจ้งเตือนไปก่อน ซึ่งอายุความการเรียกเก็บภาษีจะหมดลงในระยะเวลา 10 ปี คือวันที่ 31 มีนาคมนี้ แต่ทางกรมสรรพากรมีความกังวลว่าหากดำเนินการตามมาตราดังกล่าวเกรงว่าจะถูกดร.ทักษิณ ฟ้องกลับตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

“สตง.ก็ได้แจ้งกรมสรรพากรว่า หากกรมสรรพากรไม่ดำเนินการเรียกภาษีจากดร.ทักษิณ สตง.ก็จะส่งหนังสือไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับสรรพากรในมาตรา 157 เช่นเดียวกัน เพราะที่ผ่านมา สตง.ได้แจ้งเตือนแล้วว่าสามารถดำเนินการตาม มาตรา 61 ได้”

น่าเห็นใจกรมสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีก็กลัวโดนฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะไม่เรียกเก็บก็โดนขู่ว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 เช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดเชื่อว่ากรมสรรพากรจะเลือกเพลย์เซฟทำตามความประสงค์ของรัฐบาลและสตง. ถึงจะโดนดร.ทักษิณ ฟ้องกลับแต่การปฏิบัติตามคำสั่งอย่างน้อยก็ทำให้มั่นใจได้ว่ายังมีโอกาสชนะคดีมากกว่าแพ้

แต่หากฝืนความต้องการ “คุก” สถานเดียว


You must be logged in to post a comment Login