วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

แบไต๋ปรองดอง

On March 14, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การสร้างความปรองดองรอบใหม่ที่ดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งท่ามกลางการจับตาดูของหลายฝ่ายว่าบทสรุปสุดท้ายจะออกมาในทิศทางไหนอย่างไร

แม้หลายคนจะเชื่อว่าเวทีปรองดองที่จัดให้พรรคการเมือง นักการเมือง กลุ่มการเมืองมาแสดงความคิดเห็นภายใต้หัวข้อที่กำหนด หรือเวทีในต่างจังหวัดที่เปิดให้ประชาชน คู่ขัดแย้งในพื้นที่มาร่วมกันเสนอความเห็นจะเป็นเพียง “ปาหี่” เพราะแนวทางปรองดองของจริงนั้นมีอยู่ในใจแล้ว ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าธงที่ถูกปักเอาไว้นั้นเป็นอย่างไร

ท่ามกลางการเสนอความเห็นเกี่ยวกับแนวทางสร้างความปรองดองที่พรั่งพรูออกมาอย่างมากมายนั้นคงต้องบอกว่ามีความเห็นของคนเพียงไม่กี่คน เพียงไม่กี่ฝ่ายหรอกที่พอจะบอกทิศทางแนวทางสร้างความปรองดองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

สิ่งที่คนพวกนี้พูดหรือเสนอนั้นเชื่อถือได้

เพราะที่ผ่านมาเวลาที่คนพวกนี้พูดอะไรออกมามักจะเป็นความจริงเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น พูดว่าจะมีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริง

หรือย้อนไปก่อนหน้านั้นก็มีหลายเรื่องที่คนพวกนี้พูดแล้วเป็นจริง ไม่ว่าจะอ้างว่านอนหลับฝันไปว่า หรือมีคนมากระซิบว่า

แนวทางสร้างความปรองดองล่าสุดที่ถูกแบไต๋ออกมาจากคนกลุ่มนี้ คือการเว้นโทษ หรือพักการพิจารณาโทษให้กับแกนนำการชุมนุมทางการเมือง โดยโฟกัสไปที่กลุ่มเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเพราะว่าเรื่องเกิดมานานและคดีความก็งวดเข้าไปทุกขณะ

ข้อเสนอมีทั้งให้ตัดสินโดยรอลงอาญา ถอนฟ้อง ไปจนถึงการจำหน่ายคดีชั่วคราว

คดีที่ถูกยกตัวอย่างควรตัดสินโดยรอลงอาญา ถอนฟ้อง หรือจำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อสร้างความปรองดอง เช่น คดีชุมนุมปิดสนามบิน การบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล

ส่วนคดีที่ไม่เข้าข่ายได้รับการตัดสินโดยรอลงอาญา ถอนฟ้องไปจนถึงการจำหน่ายคดีชั่วคราวคือคดีเกี่ยวกับละเมิดสถาบันตามมาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ

เรื่องนี้แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยเพราะเชื่อว่าเป็นแนวทางการเยียวยา

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรัฐบาลปัจจุบันต่างยืนยันมาตลอดว่าแนวทางสร้างความปรองดองจะไม่มีการนิรโทษกรรมเด็ดขาด

แม้แนวทางตัดสินโดยรอลงอาญา ถอนฟ้อง หรือจำหน่ายคดีชั่วคราว จะไม่สุดทางเหมือนนิรโทษกรรม ซึ่งก็คือการเลิกแล้วต่อกันหากพิจารณาในรายละเอียดของผลที่จะเกิดก็ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่แนวทางหลังจะมีติ่งเป็นชนักปักเอาไว้เป็นเงื่อนไขห้ามไม่ให้คนที่ได้รับการลงโทษโดยรอลงอาญา ถอนฟ้องหรือจำหน่ายคดีชั่วคราวกลับไปเป็นแกนนำม็อบเคลื่อนไหวอีก

นี่น่าจะเป็นการโยนก้อนหินถามทางก้อนสำคัญ เพื่อเช็กกระแสตอบกลับจากประชาชน ตลอดจนแกนนำกลุ่มการเมืองต่างๆว่าจะโอเคกับแนวทางนี้หรือไม่

ความจริงเงื่อนไขแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่พูดกันมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงนั้นไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสมทำให้แกนนำมวลชน พรรคการเมือง นักการเมืองประสานเสียงคัดค้าน

แต่นาทีนี้เมื่อเงื่อนเวลาเหมาะสม ท่าทีของผู้ที่เคยปฏิเสธข้อเสนออาจเปลี่ยนไป และนี่น่าจะการแบไต๋แนวทางสร้างความปรองดองที่ทำให้เห็นบทสรุปสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลคสช.พ้นจากอำนาจก็เป็นได้


You must be logged in to post a comment Login