วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2567

มรดกผลงาน‘โอบามา’ / โดย ณ สันมหาพล

On March 6, 2017

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

เป็นธรรมเนียมประเทศประชาธิปไตยทุกแห่ง หลังผู้นำครบวาระดำรงตำแหน่งสื่อมวลชนและนักวิชาการจะประเมินผลงานการบริหารประเทศว่ามีผลงานให้คนรุ่นหลังจดจำหรือไม่ทั้งด้านดีและไม่ดี ไม่ใช่อย่างประเทศเผด็จการที่ทำอะไรก็ไม่ผิด

เช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีการประเมินผลงานที่คนทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจ ไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐ เพราะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก นอกจากนี้ประเทศกำลังประสบวิกฤตเศรษฐกิจแสนสาหัสก่อนที่เขาจะมารับตำแหน่งในปี 2008

ส่วนสถานการณ์โลกก็มีความรุนแรงไม่แพ้กันคือ การที่สหรัฐเข้าไปทำสงครามในตะวันออกกลางเพื่อยับยั้งการก่อการร้ายและการปกครองระบอบเผด็จการที่แพร่ระบาดลัทธิความเกลียดชังตะวันตกให้เป็นสงครามศาสนา ทำให้การสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของโอบามา เพราะนอกจากจะเป็นการล้างแค้นการถล่มตึกเวิลด์เทรดและอาคารเพนตากอนในเหตุการณ์ 11 กันยายนแล้ว ยังเป็นการยืนยันของสหรัฐในการทำสงครามกับกลุ่มการก่อการร้ายอิสลาม

แม้การดำเนินนโยบายกลาโหมของโอบามาไม่สามารถยุติสงครามก่อการร้ายได้โดยสิ้นเชิงก็ตาม เพราะยังคงมีปัญหาความรุนแรงในลิเบีย ซีเรีย อัฟกานิสถาน และอิรัก

ขณะที่การประกาศนโยบายกลับสู่ภูมิภาคแปซิฟิกของโอบามาก็ถือเป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องอย่างมาก เพราะนอกจากช่วยลดงบประมาณทางทหารที่เป็นภาระมานานแล้ว ยังเป็นการประกาศว่าสหรัฐยังเป็นมหาอำนาจในภาคพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนพื้นที่อื่นๆก็ปล่อยให้ประเทศมหาอำนาจอื่นๆร่วมกันดูแล อย่างยุโรปที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปล้วนเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้

การกลับสู่มหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐโดยร่วมกับญี่ปุ่นและพันธมิตรถือเป็นปราการสำคัญในการคานอำนาจของจีน

ผลงานของโอบามาที่โดดเด่นคือ การแก้วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ให้ฟื้นขึ้นในเวลาไม่นาน ทำให้เกิดการสร้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ให้คนอเมริกันถ้วนหน้าทั้งที่ใช้มาตรการของรัฐน้อยมาก ซึ่งที่ผ่านมาการแก้ปัญหามักจะมีการแทรกแซงของพรรคที่สังกัดให้รัฐบาลต้องดำเนินการตาม

ส่วนประเด็นที่โอบามาถูกตำหนิมากที่สุดคือ การปล่อยให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทำให้เกิดความมั่งคั่งใหม่กระจุกตัวในคนเพียงหยิบมือเดียว และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการฟื้นตัวที่ไม่เป็นธรรมทางรายได้และความเสมอภาคทางสังคม ซึ่งโอบามาไม่ค่อยสนใจเสียงวิจารณ์ดังกล่าวนัก

ประเด็นใหญ่ที่โอบามาถือว่าต้องทำให้ได้คือ การผลักดันร่างรัฐบัญญัติดูแลสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งต้องการให้เข้าถึงประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ยากจนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจพอ

นักวิจารณ์บางคนระบุว่า เรื่องที่โอบามาละเลยหรือทำไม่เต็มที่ ทำให้ลัทธิประชานิยมขวาหรือลัทธิทรัมป์มาแรงจนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม กล่าวโดยรวมผลงานของโอบามาได้รับการชื่นชมมากกว่าถูกตำหนิ โดยเฉพาะการบริหารประเทศแบบสะอาดหมดจด โดยช่วง 8 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง รัฐบาลไม่เคยมีเรื่องทุจริตและเรื่องอื้อฉาวรุนแรงเลย ซึ่งคนอเมริกันเบื่อเรื่องเหล่านี้มาก

โอบามาจึงเป็นประธานาธิบดีที่คนอเมริกันจะจดจำไปตลอด รวมถึงการเป็นสามีและพ่อที่ดีของครอบครัวจนเป็นตัวอย่างให้คนอเมริกัน ซึ่งนักวิชาการบางคนได้ย้อนไปดูโอบามาว่าได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไรจึงสามารถก้าวข้ามความเป็นเด็กผิวสีและครอบครัวที่แตกแยก เด็กที่ต้องไปอยู่อีกประเทศที่ไม่ใช่ประเทศตะวันตกคืออินโดนีเซียที่ต้องเรียนหนังสือร่วมกับคนในท้องถิ่น แม้จะกลับมาเรียนที่สหรัฐก็ต้องเรียนในโรงเรียนที่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกคนมีเงิน หลังจบระดับมัธยมฯโอบามายังเลือกเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งสะท้อนถึงการมานะอดทนที่จะเรียนให้เป็นเลิศ

การศึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญในการปูพื้นชีวิตของโอบามา โดยเฉพาะแอนน์ ดันแฮม มารดาของโอบามา ได้เขียนถึงการเลี้ยงลูกอย่างไรถึงได้เป็นประธานาธิบดี และช่วงที่พาลูกชายคนนี้ไปอยู่ด้วยกันที่อินโดนีเซีย ซึ่งทุกเช้าตอนตี 4 จะปลุกลูกเพื่อสอนภาษาอังกฤษ รวมทั้งวิชาอื่นๆ เพื่อให้รู้จักโลกตะวันตก

พื้นฐานดังกล่าวทำให้โอบามามีความช่ำชองการใช้ภาษาและการเจรจาต่างๆ ที่ก้าวข้ามความเป็นเด็กผิวสีที่ครอบครัวแตกแยกมาเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก

ใครอยากเป็นผู้นำโลกต้องศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของโอบามาและอิทธิพลของแม่ที่โอบามากล่าวว่าเป็นผู้ส่งเขาให้เดินถึงทำเนียบขาว!


You must be logged in to post a comment Login