วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567

สมเด็จขาวผ่อง / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On February 21, 2017

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ในที่สุดชาวพุทธก็ได้สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นที่เรียบร้อย โดยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาถือเป็นวันประวัติศาสตร์ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดกว่า 40,000 วัดทั่วโลกได้เจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆังฉลองการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชครั้งนี้ ท่ามกลางการเปล่งเสียงของประชาชนอย่างกึกก้อง

การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ไม่มีอะไรมาคัดค้านให้เกิดความแตกแยก วุ่นวาย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและเป็นที่ชื่นอกชื่นใจของประชาชน สมเด็จพระสังฆราชท่านทำงานสนองพระศาสนา ซึ่งท่านยังแข็งแรงและมีราศีเหมือนอย่างที่พูดกันว่า “สมเด็จขาวผ่อง” คือขาวและผุดผ่อง มีสง่าราศี ประทับตา ประทับใจพุทธศาสนิกชนที่ได้พบได้เห็น

ท่านมีสง่าราศี น่าเลื่อมใส ไม่มีข่าวคราวใดๆที่ทำให้ชาวพุทธไม่สบายใจ เหมาะสมที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าฯให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช

ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ก็พอใจ ไม่ได้หมายความว่ารูปอื่นๆไม่ดีหรือเสียหายจนไม่เหมาะสม แต่ความเหมาะสมที่จะขึ้นมานั้นมีแค่หนึ่งเดียว จึงต้องเลือกจากผู้ที่เหมาะสม เป็นเรื่องความเหมาะสมมากน้อยและความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งบางรูปอาจจะกระดำกระด่างบางอย่าง

เป็นอันว่าเมืองไทยมีสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่แล้ว ชาวพุทธคงจะเลิกพูดเลิกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ตอนนี้และภายภาคหน้าก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชในฐานะผู้นำทางศาสนา

เชื่อว่าเราชาวพุทธจะอยู่กันอย่างปรกติสุข ไม่ต้องไปคิดว่าคนนั้นคนนี้ควรได้ไม่ควรได้ คิดแต่ว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อสืบศาสนาให้แข็งแรงมั่นคงยั่งยืน เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกต่อไป

สมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ได้ประทานพรไว้ว่า “สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา” คือความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่รวมกันเป็นหมู่ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ

ท่านให้รักษาคำนี้ไว้ “ความพร้อมเพรียงนำความเจริญรุ่งเรืองให้สำเร็จได้” ขณะนี้ประเทศเรากำลังต้องการการพัฒนา สมเด็จพระสังฆราชจึงขอให้ชาวพุทธนึกถึงธรรมภาษิตนี้ รวมถึงศีล สมาธิ ปัญญา

หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจและยึดถือศีล สมาธิ ปัญญา มีความสามัคคี ประเทศชาติของเราจะได้เจริญรุ่งเรือง ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่เราชาวพุทธควรยึดถือ ทั้งนึกเสมอว่าตัวเราเองก็จะได้รับประโยชน์จากศาสนาเช่นกัน เราจึงต้องสืบทอดให้ประโยชน์นี้ไปถึงลูกหลาน อนุชนคนรุ่นหลัง ให้เขาได้ชื่นอกชื่นใจ มีศาสนาเป็นที่พึ่ง ได้รับประโยชน์ในคำสอนทางศาสนาเพื่อไปดับทุกข์ดับร้อน

ถ้าเราตั้งใจอย่างนี้ ทำอย่างนี้ สืบทอดไปอย่างนี้ เชื่อว่าความดี ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพระศาสนาก็จะมั่นคงและสืบทอดต่อไปยาวนาน ชาวพุทธก็จะได้หน้าตา ได้ชื่อเสียงว่าทำนุบำรุงศาสนาไว้อย่างเข้มแข็งมั่นคงและราบรื่นอย่างที่สุด เพื่อเป็นศาสนาอันดับ 1 ของโลก ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นอันดับ 1 ของโลก

อย่างอื่นเราสู้เขาไม่ได้ก็เอาความดีสู้เขาให้ได้ ถ้าความดีสู้เขาไม่ได้ เศรษฐกิจสู้ไม่ได้ กำลังรบสู้สู้ไม่ได้ อะไรต่างๆเราก็สู้เขาไม่ได้ ประเทศก็มีแต่ถดถอยล้าหลัง ต่อไปนี้ขอให้เราสู้ให้ได้สักอย่างหนึ่ง เพื่อจะได้เกิดความภาคภูมิใจว่า เรามีศาสนาที่มั่นคงแข็งแรงและทำให้เกิดความสงบสุข

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login