วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

เลือดท่วมท้องช้างจึงจะปรองดอง? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On January 30, 2017

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

หลายครั้งหลายคราที่เริ่มต้นแล้วก็โรยราทุกครั้งคือเรื่องปรองดอง เพราะเราถนัดแต่ทำตรงกันข้ามกับความปรองดอง คือปองด่าปองร้ายใส่กัน ไม่มีคำว่าหวังดีหรือมุทิตา พลอยยินดี ร่วมแรงร่วมใจ ร่วมไม้ร่วมมือ หรือปรารถนาดี

ถามว่าทุกคนอยากเห็นความปรองดองมั้ย เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยอยากเห็นประเทศไทยเดินหน้า แต่ทำไมถึงติดขัดทุกครั้ง ความแตกแยกมีแต่ทำให้เสียหายทุกอย่างทุกเรื่อง มองดูเขมร เวียดนาม เยอรมนี และหลายประเทศที่เขามาถึงจุดหักเหจนเกิดความสามัคคีปรองดองกันได้นั้น เพราะความวอดวายมันแรง ท่วมหัวท่วมตัว ท่วมตาท่วมใจ แต่ของเรายังก้ำกึ่ง พอทำท่าจะหายนะ จะมีการฆ่ากันตายเป็นเบือเหมือนเขมร เราก็มีตัวช่วยทุกครั้ง ประชาชนก็พอใจ ทำให้เราไม่เคยมีบทเรียนแบบสาสมแก่ใจทั้งสลดสังเวชและธรรมสังเวชที่ทำให้เกิดความปรองดองได้ เพราะต่างก็สลดสังเวชในความเสียหาย การบาดเจ็บล้มตาย พิการ และประเทศชาติย่อยยับเสียหาย

ถ้าธรรมสังเวชมันเปิดแล้วมองสลดสังเวช อย่างนี้ก็น่าจะเกิดความโอนอ่อนผ่อนปรนเพื่อความอยู่รอดของทุกคนและประเทศชาติ การปรองดองจะง่ายเมื่อทุกฝ่ายเห็นภัย เห็นพิษ เห็นโทษ แต่นี่มันยากเพราะไปเห็นประโยชน์ต่างๆขึ้นมา ซึ่งประโยชน์นี่แหละที่ทำให้ปรองดองยาก

มีรายการโทรทัศน์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นฉากว่ามีผลประโยชน์อะไรบ้างที่ทำให้ความแตกแยกยังยืดเยื้อ พวกนี้ไม่อยากให้ยุติเรื่องความขัดแย้ง แตกแยก อย่างอเมริกาก็อยากจะเห็นประเทศต่างๆขัดแย้งเพื่อจะได้ขายอาวุธ นี่เป็นประโยชน์จากการแตกแยก

ทหารก็ใช่ว่าไม่ชอบการแตกแยก เพราะถ้าแตกแยกทหารก็ได้ประโยชน์คือเข้ามายึดอำนาจ ได้เป็นรัฐบาล ส่วนบรรดาแกนนำแต่ละกลุ่มแต่ละพวกก็ได้ประโยชน์ เพราะมีแม่ยก มีคนเชียร์ พิธีกรรายการหนึ่งบอกว่าตอนแกนนำถือกระสอบขอบริจาค ปรากฏว่ามีคนเอาเงินใส่จนเต็มกระสอบ วันหนึ่งได้ตั้ง 2 กระสอบ อย่างนี้พอใจมั้ยกับผลประโยชน์ที่ได้ ถ้าอยู่ดีๆจะมีคนเอาเงินมาให้หรือ ไปปลุกระดม ไปสร้างกระแสจนเกิดสถานการณ์ต่างๆขึ้นมา ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง พวกนี้ไม่ต้องการความปรองดอง

ตอนนี้ทหารก็หนักใจที่มีอีกฝ่ายให้ทหารต้องลงชื่อในเอ็มโอยูในสัตยาบันด้วยว่าจะไม่ยึดอำนาจทำรัฐประหารอีก ทหารคงรับปากไม่ได้ ถ้ารับไปก็เสียสัจจะอีก

เรื่องลงสัตยาบันในอดีตที่ผ่านมาก็เคยทำกันมาแล้ว สมัยคุณทักษิณก็ทำ แต่ก็ล้มเหลว เมืองไทยเห็นทีจะต้อง “เลือดท่วมท้องช้าง” ตายกันชนิดที่เห็นว่าเห็นแล้วสังเวช ศพเกลื่อน อย่างที่ภาษานวนิยายจีนว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” เรายังไม่เห็นการแตกแยกที่มีคนตายกันเป็นล้านๆ การปรองดองก็เลยเกิดยาก

สมัยก่อนมีคนเขียนเรื่องผีบุญ สามารถปลุกระดมยึดประเทศ ยึดหัวเมือง ปลุกระดมก็ได้ประโยชน์เฉพาะคนกลุ่มหนึ่ง แต่เสียหายกับส่วนรวมนั้นมากมาย

ยังไงก็ขอบิณฑบาตเถอะ หยุดและพอได้แล้วกับความเสียหาย หันมาร่วมแรงร่วมใจ ร่วมไม้ร่วมมือ คืนดีและให้อภัยกัน จะได้อยู่กันอย่างปลอดภัย ไม่หาภัยใส่กันและกัน ประเทศชาติจะได้น่าอยู่กว่านี้ หากคราวนี้ปรองดองไม่สำเร็จก็มีโอกาสที่จะเกิด “เลือดท่วมท้องช้าง” เห็นศพเกลื่อนจนเก็บไม่ทัน เผาไม่ทัน นั่นแหละความปรองดองจะกลับมาอย่างง่ายดาย

แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง เมื่อเคาะระฆังจะสร้างความปรองดองกันแล้ว วันหนึ่งคนก็จะเปรียบเทียบเองว่าเขาควรจะอยู่ข้างไหน จะยุยงปลุกปั่นทำลายล้างผลาญกันไปเรื่อยๆ หรือจับไม้จับมือประคับประคองให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัยต่อไป

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login