วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เสียงปรองดอง

On January 17, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

พลุปรองดองลูกใหม่ที่รัฐบาลจุดขึ้นมาดูเหมือนว่ามีสัญญาณตอบรับที่ดีเกินคาด ส่วนจะฝากความหวังไว้ได้แค่ไหน ต้องรอดูโฉมหน้าคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะแต่งตั้งในสัปดาห์นี้ว่าจะมีใครบ้าง

เห็นหน้ากรรมการคงได้เห็นแนวทางการทำงานว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร

สำหรับแนวทางที่ “บิ๊กป้อม” วางเอาไว้คือ จะดึงทุกฝ่ายทั้งภาคการเมืองและประชาชนมาพูดคุยเพื่อหาจุดยืนร่วมกัน อะไรที่เห็นพ้องต้องกันจะให้ทำบันทึกความเข้าใจหรือ เอ็มโอยู เอาไปใช้ปฏิบัติ

ทั้งนี้ “บิ๊กป้อม” ยังเลี่ยงที่จะให้ความชัดเจนเรื่องพักโทษ หรือนิรโทษกรรม เพราะรู้ว่าหากเริ่มต้นด้วยการพูดเรื่องนี้มีโอกาสวงแตกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

อย่างไรก็ตาม เมื่อเช็กปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ หลังการสร้างความปรองดองกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะมีเสียงตอบรับไปในทางที่ดี

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยและพร้อมร่วมมือสร้างความปรองดอง แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงใจ 10 ปีที่ผ่านมาประเทศชาติเสียหายจากความแตกแยกขัดแย้งมากพอแล้ว

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แนะแนวทางสร้างความปรองดองเอาไว้ 4 ข้อคือ 1.สร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรง 2.ค้นหาสาเหตุของความขัดแย้งให้ตกผลึกจนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย 3.สร้างกลไกการแก้ไขปัญหาให้ได้รับการยอมรับ และ 4.กฎหมายและกฎเกณฑ์กติกาทางการเมืองที่เป็นเครื่องมือนำไปสู่ความปรองดอง ต้องไม่ให้เกิดคำถาม หรือความรู้สึกว่าเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยืนยัน นปช.พร้อมให้ความร่วมมือและจะไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคในการสร้างความปรองดอง โดยแนะนำว่าให้ยึดหลักสากลที่หลายประเทศใช้สร้างความปรองดองสำเร็จมาแล้ว ซึ่งมีหลักการคือการทำความจริงให้ปรากฏโดยที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับไม่ใช่ความจริงด้านเดียว

นายถาวร เสนเนียม รองประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ระบุว่า กปปส.มีความยินดีที่จะร่วมพูดคุยเพื่อสร้างความปรองดอง พร้อมมีคำแนะนำว่า ความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นจากความเห็นแตกต่างกันทางการเมือง แต่เกิดจากประชาชนไม่พอใจการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต หากไม่แก้เรื่องนี้ เมื่อประชาชนไม่พอใจการใช้อำนาจรัฐไปในทางไม่ชอบก็จะออกมาเดินขบวนกันอีก การสร้างความปรองดองจึงต้องแก้ที่ต้นตอ

ยังมีผู้ที่ถูกมองว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในบ้านเมืองอีกหลายคน ทั้งที่เป็นนักการเมืองและแกนนำมวลชนกลุ่มต่างๆ ออกมาพูดถึงการสร้างความปรองดองในชาติที่รัฐบาลทหารคสช.กำลังจะทำอย่างจริงๆจังๆ ซึ่งส่วนมากมีแนวโน้มตอบรับให้ความร่วมมือ ทำให้รู้สึกได้ว่าการสร้างความปรองดองรอบนี้ดูดีมีความหวัง

สัญญาณจากผู้มีอำนาจดี สัญญาณจากคู่ขัดแย้งดี

เหลือแต่การปฏิบัติไม่รู้ว่าจะได้ผลดีอย่างที่คาดหวังกันหรือไม่


You must be logged in to post a comment Login